เอ๊ะ..ใครคิด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย 2ชาติตรัสรู้, 5 พฤษภาคม 2020.

  1. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    ปรกติผมทำสมาธิหรือนังพักหลับตา
    ก็เห็นภาพบ่อยๆส่วนมากเป็นวิวธรรมชาติ ไม่ได้คิดอะไรมากคิดว่าเราคิดเอง ภาพก็คงเหมือนตอนที่หลับฝัน แค่ตอนนี้ไม่ได้หลับ สติรู้ตัวมีมากกว่า แต่ถ้าเริ่มไปให้ความสนใจภาพจะหยุดเป็นไปเอง ไม่เคยเอะใจอะไร
    วันนี้นั่งพักหลับตา สักพักก็ มีภาพน้ำไหล มีภาพฟองอากาศให้เห็น ก็รู้ไปดูไปแบบไม่ไปตัั้งใจ ภาพน้ำมันก็ไหลอยู่อย่างนั้น
    สักพักเริ่มสนใจมากขึ้น ภาพก็หาย...
    ก็คือ พึ่งจะสังเกตุุว่า ใครคิดปรุงแต่งเป็นภาพพวกนี้นะ ก็รู้ตัวอยู่ว่า เราไม่ได้คิดแน่ๆ
    แล้วใครคิด..คือพึ่ง จะสัวเกตุเห็นว่า เราไม่ได้คิด1.
    อีกอย่างคือ ที่เขาว่าชำเลืองดูมรู้แบบชำเลืองดู มันเป็นแบบนี้หรือ
    พอตั้งใจดูมันจะหายกลายเป็นเราต้องคิดปรุงแต่งต่อเอง ก็อ๋อ ต่อไปต้องแบบนี้มีีีีีอะไรขึ้นมาให้รู้เฉยๆแบบนี้ แต่อย่าไปตั้งใจจ้อง มันจะหยุด
    ใช่มั๊ยครับ
    ทีนี้ ไอ้ที่ต้องฝึกจริงๆมันกลายเป็นวิธีเฝ้าดูแบบไม่ไปทำให้มันหยุดปรุงแต่งไปเอง ตรงนี้ละที่มันยังยากเพราะไม่เคยฝึก
    นี่ใช่มั๊ยครับ วิปัสปัสนา
    หรือแค่ วิตกวิจารหว่า555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2020
  2. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    ผมเป็นบ่อย ครับแรกๆ นี่แทบบ้าเลย มันไม่ได้เห็นแบบเราต้องนิ่งนะครับ แต่เห็นแบบ ทุกอย่างไม่จงใจ ท่ามกลางของสังขารเลย แต่ที่เราเห็นมันจะเด่นและโดดออกมา สมาธิ สติตั้งเข้มมากๆ
     
  3. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +994
    การคิดตามที่ผมเข้าใจ
    มันเป็นวิตกวิจารณ์
    บ่แม่นสังขาร
     
  4. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    เราคิดเอง กับเราไม่ได้คิดอะ
    เหมือนหลับฝันเป็นเรื่องราวไป ตอนฝันใครเป็นคนคิด เราไม่เคยมีคำถามว่าตอนฝันใครคิด เพราะเราเรียกกันไปเลยว่า ฝัน
    แต่ตอนฝันมันไม่ใข่เราคิดแน่ๆ เพราะคนหลับฝันส่วนใหญ่ไม่มีสติรู้ตัวไปช่วยคิด
    แต่ถ้ามีสติรู้ตัวว่าฝันเมื่อไหร ฝันมันก็จะหยุดเหมือนกัน
     
  5. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +994
    ธรรมชาติของขันมันกละวเราทิ้งมันไปมันก็แสดงตัว
    แสดงลีลามาล่อเรา
     
  6. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +994
    แล้วปต่นิสัยแต่ละคน
    อยากเรียนมากเรียนน้อย
    เชื่อพระกะเรียนน้อย
    ไม่เชื่อพระกะเรียนมาก
    สุดแลเวแต่บุลคล
     
  7. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    อันนี้ไม่เคยได้ยินแปลกดีครับ...
     
  8. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +994
    ขันธมารงัยครับ
    เอาสุขทุกมาล่อหลอก
     
  9. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ชำเรืองคือ มองมาที่ใจครับ

    หลับตาภาวนา เกิดภาพนิมิต เรียกว่า คู่ผัสสะ ใจกับธรรมมารมณ์ เป็น คู่อายตนะที่ละเอียด

    หากเกิดภาพ นิมิต ที่ไม่ได้ตั้งใจ ให้ชำเรืองมาที่ใจ สังเกตุที่ใจไปเรื่อยๆ

    เวลาภาพนิมิตเกิด ใจเราเป็นยังไง ใจนิ่งก็รู้ว่านิ่ง ใจยินดีก็รู้ยินดี ใจไม่ยินดีก็รู้ไม่ยินดี

    ใจมันเอะใจสงสัย ก็รู้เอะใจเฉยๆ รู้ตามความเป็นจริงที่ใจ แบบรู้เฉยๆ ไปเรื่อยๆ
    อันนี้จะเป็นวิธี ยกจิตเข้าสู่ วิปัสนา

    ชำเรือง อาศัยการทำบ่อยๆ เนืองๆ ทำได้ทุกอิริยาบท


    ส่วนการตั้ง นิมิต ในอาการ 32 หรือ ตั้งนิมิต ของอสุภะ เป็นการตั้งฐานใน วิธีสมถะ เฉยๆ

    ต่อไปนิมิต มันก็จะปรากฎเอง แบบไม่ต้องตั้งใจเหมือนกัน
    ส่วนใหญ่ การตั้งใจทำนิมิตแบบนี้ จะได้ มโนมยิทธิเป็น ผลพลอยได้
     
  10. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    ซับซ้อนจริงๆ งั้นคงิีิีิีิีิอีกไกลกว่าจะถึงที่หลวงพ่อพุธว่า ...เฮ้อ ๆๆๆ:D
     
  11. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    ชำเลืองมาที่ใจ มันก็มีสิ่งต้องรู้ตั้งสองสิ่ง แอบรู้ภาพแบบไม่ไปแทรกให้มันหาย ก็ยากแล้วนะครับ ต้อวงรู้อารมณ์ใจด้วย...แค่คิดก็เหนิ่อยแล้ววววว ถ้ารู้มาที่ใจอย่างเดียว ภาพก็คงหาย ช่างมันใช่มั๊ยครบ ถ้าสนใจภาพ ก็ติดนิมิตรอีกกกก
     
  12. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ความคิด ก็คือ สังขารอย่างนึงครับ ว่าโดยปรมัตถ์ มันก็คือ เจตสิกอย่างนึง

    บางคน จะงง กับคำว่าสังขาร

    สังขาร แปลก็คือ สิ่งทั้งหลายที่มีปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
    สังขารแบ่งเป็น
    สังขารที่มีใจครอง กับ สังขารที่ไม่มีใจครอง

    อย่างคนเรา หากไปมองว่า ร่างกายเป็น รูป เป็นสังขาร ก็ถูกต้อง เรียกว่า รูปสังขาร

    อันนี้คือของหยาบ

    ส่วน ความคิด ที่มี สัญญาเวทนาปรุงแต่ง ก็เรียก จิตสังขาร รูปอารณ์ก็เรียก
    เป็นสังขารส่วนละเอียด พวก นี้ ต้องไปอ่านอภิธรรม เพิ่มเติม
    บางที มันจะมี จุด ที่ต่างหากเราฝึกมาพอสมควร จะมองเห็น และก็ปรับเอาในความเข้าใจ

    พุทโธ ก็คือ ความคิด
    ปัญญา ก็คือ ความคิด
    ความคิด ก็คือ อารมณ์ พวก นี้ ศัพย์ ธรรม เป็น เจตสิกทั้งหมด

    ศัพย์ธรรม จะเรียก ว่า อารมณ์ อารมณ์นึง
    ภาษาไทยเรียกว่า ความคิด
    แต่ถ้าไปแปล อารมณ์ ตามภาษาไทย ก็จะไปแปล ไม่ตรงภาษาปฏิบัติ

    นิมิตภาพ ก้เรียก ความคิด
    นิมิตแบบ คำบริกรรม ก็คือ ความคิด เช่น โสรัจจะ หรือ คำบาลีอะไรต่างๆ บลาๆ

    หรือแม้แต่จะเป็นภาษาที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน
    หากคนไม่เข้าใจ ก็จะไปคิดว่า คำ จากต่างดาวมั่ง
    ต่างดาวมาสื่อสารมั่ง อะไรบลาๆ ภาษาเทพมั่ง จิปาถะ

    ซึ่งเรื่องพวก นี้ เป็น ธรรมดา ของ สังขาร ที่มีหน้าที่ปรุงแต่งเป็นธรรมชาติ
    จะไปห้ามมันไม่ให้ปรุงแต่งไม่ได้ มันจะปรุงแต่งไปตามธรรมชาติของ ขันธ์ ที่มันเป็น
    ตามปัจยการของมัน มีกรรมเป็นต้น

    เวลาเรานอนหลับ เกิดภาพ ฝันไป นี่ก้เรียก นิมิต
    เวลานั่งสมาธิแล้วเกิดภาพนิมิต อันนี้ก็เป็นอันเดียวกับ นิมิต ที่เราหลับครับ อันเดียวกัน


    หลักของการทำวิปัสนา จึง ทำให้ จิต รู้เห็นตามความเป็นจริง ของธรรมชาติ ของขันธ์
    จนสุดท้าย เข้าไปที่จิต

    พบจิตให้ทำลายจิต ตู้มต้ามๆๆ ฟาดผู้รู้จนไม่มีที่หมาย
     
  13. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    พี่ชาติฮับ ขออนุญาติ ประเคน สันติ ใส่คำ สาวกธรรม ก่อน

    ชำลง ชำเลือง เฮีย อะไร โยนทิ้งเข้าป่าไปก่อน !!!

    แล้ว......รอ แป๊ป ไม่ต้องหลบนะ แป๊ป เป็น เวลา ไม่ใช่ วัตถุ
     
  14. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ธรรมชาติของขันธ์มันเป็นมายา
    คือมันจะข้องอยู่กับความรู้สึกนึกคิด
    เสวยอารมย์ตามผัสสะ
    ผ่านทางหูจมูกลิ้นกายใจ
    เป็นอย่างนั้นจนกว่าธาตุทั้ง4
    จะแตกสลาย
    กลับสู่ธรรมชาติ
    เพียงแค่เราไม่หลงไปยึดว่ามันเป็น"เรา"
    เป็นตัว"เรา" (ตามอวิชชาที่ปิดบังความจริง
    ว่าขันธ์ไม่ใช่"เรา" มานับชาติไม่ถ้วน
    ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรง
    ตรัสรู้ก็คงยังเข้าใจว่าขันธ์ 5 คือตัวเรา
    และจะหลงยึดไปอีกนานนับชาติไม่ได้)
    แล้วอะไร?? ที่จะทำให้เลิกหลงเล่างั้น
    คำตอบคือ ก็ตัวปัญญาที่รู้ว่าความจริง
    ว่าไม่มี"เรา"
    ดังนั้น เมื่อไม่มี"เรา"แล้วจะมีใครหลงไปยึดอะไร?? จึงเหลือแต่ธรรมล้วนล้วน คับ
     
  15. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    ยากแท้ ..ไม่ถูกจริตคนมักง่ายเลยน้อ
     
  16. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ผู้ไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปใน
    ธรรมอยู่ ย่อมรู้สึกแสงสว่าง และการเห็นรูป

    แต่ไม่ช้าเท่าไร แสงสว่างและการเห็นรูป
    อันนั้น...ย่อมหายไปได้ ...ยังไม่แทงตลอด
    นิมิตนั้น

    อะไร... เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้แสงสว่างและ
    การเห็นรูปของเราหายไปได้

    วิจิกิจฉาแล เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็วิจิกิจฉา
    เป็นเหตุสมาธิของเราจึงเคลื่อน เมื่อสมาธิ
    เคลื่อนแล้ว แสงสว่างและการเห็นรูปจึง
    หายไปได้เราจักทำให้ไม่เกิดวิจิกิจฉาขึ้น
    แก่เราได้อีก

    อมนสิการแล เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็อมนสิการ
    เป็นเหตุสมาธิของเราจึงเคลื่อน เมื่อสมาธิ
    เคลื่อนแล้ว แสงสว่างและการเห็นรูปจึง
    หายไปได้

    เราจักทำให้ไม่เกิดวิจิกิจฉา และอมนสิการ
    ขึ้นแก่เราได้อีก

    ถีนมิทธะแล เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็ถีนมิทธะ
    เป็นเหตุ สมาธิของเราจึงเคลื่อน เมื่อสมาธิ
    เคลื่อนแล้ว แสงสว่างและการเห็นรูปจึงหาย
    ไปได้

    เราจักทำให้ไม่เกิดวิจิกิจฉาอมนสิการ และ
    ถีนมิทธะขึ้นแก่เราได้อีก

    ความหวาดเสียวแล เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็ความ
    หวาดเสียวเป็นเหตุสมาธิของเราจึงเคลื่อน เมื่อ
    สมาธิเคลื่อนแล้ว แสงสว่างและการเห็นรูปจึง
    หายไปได้

    เปรียบเหมือนบุรุษเดินทางไกล เกิดมีคนปอง
    ร้ายเขาขึ้นที่สองข้างทาง เขาจึงเกิดความหวาด
    เสียว เพราะถูกคนปองร้ายนั้นเป็นเหตุ ฉันใด...

    ฉันนั้นเหมือนกันแล ความหวาดเสียวแลเกิดขึ้น
    แล้วแก่เรา ก็ความหวาดเสียวเป็นเหตุ สมาธิของ
    เราจึงเคลื่อน เมื่อสมาธิเคลื่อนแล้ว แสงสว่าง
    และการเห็นรูปจึงหายไปได้ เราจักทำให้ไม่
    เกิดวิจิกิจฉา อมนสิการ ถีนมิทธะ และความ
    หวาดเสียวขึ้นแก่เราได้อีก

    ความตื่นเต้นแล เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็ความ
    ตื่นเต้นเป็นเหตุ สมาธิของเราจึงเคลื่อน เมื่อ
    สมาธิเคลื่อนแล้ว แสงสว่างและการเห็นรูป
    จึงหายไปได้

    เปรียบเหมือนบุรุษแสวงหาแหล่งขุมทรัพย์
    แห่งหนึ่ง พบแหล่งขุมทรัพย์เข้า ๕ แห่งใน
    คราวเดียวกัน เขาจึงเกิดความตื่นเต้น เพราะ
    พบแหล่งขุมทรัพย์ ๕ แห่งนั้นเป็นเหตุ ฉันใด...

    ฉันนั้นเหมือนกันแล ความตื่นเต้นแล เกิดขึ้น
    แล้วแก่เรา ก็ความตื่นเต้นเป็นเหตุ สมาธิของ
    เราจึงเคลื่อน เมื่อสมาธิเคลื่อนแล้ว แสงสว่าง
    และการเห็นรูปจึงหายไปได้ เราจักทำให้ไม่
    เกิดวิจิกิจฉา อมนสิการ ถีนมิทธะความหวาด
    เสียว และความตื่นเต้นขึ้นแก่เราได้อีก

    ความชั่วหยาบแล เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็ความ
    ชั่วหยาบเป็นเหตุ สมาธิของเราจึงเคลื่อน เมื่อ
    สมาธิเคลื่อนแล้ว แสงสว่างและการเห็นรูป
    จึงหายไปได้ เราจักทำให้ไม่เกิดวิจิกิจฉา
    อมนสิการ ถีนมิทธะ ความหวาดเสียว ความ
    ตื่นเต้น และความชั่วหยาบขึ้นแก่เราได้อีก

    ความเพียรที่ปรารภเกินไปแล เกิดขึ้นแล้ว
    แก่เรา ก็ความเพียรที่ปรารภเกินไปเป็นเหตุ
    สมาธิของเราจึงเคลื่อน เมื่อสมาธิเคลื่อนแล้ว
    แสงสว่างและการเห็นรูปจึงหายไปได้

    เปรียบเหมือนบุรุษเอามือทั้ง ๒ จับนกคุ่มไว้
    แน่น นกคุ่มนั้นต้องถึงความตายในมือนั้นเอง
    ฉันใด...

    ฉันนั้นเหมือนกันแล ความเพียรที่ปรารภเกิน
    ไปแล เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็แลความเพียรที่
    ปรารภเกินไปเป็นเหตุ สมาธิของเราจึงเคลื่อน
    เมื่อสมาธิเคลื่อนแล้ว แสงสว่าง และการเห็น
    รูปจึงหายไปได้ เราจักทำให้ไม่เกิดวิจิกิจฉา
    อมนสิการ ถีนมิทธะ ความหวาดเสียว ความ
    ตื่นเต้น ความชั่วหยาบ และความเพียรที่
    ปรารภเกินไป ขึ้นแก่เราได้อีก

    ความเพียรที่ย่อหย่อนเกินไปแล เกิดขึ้นแล้ว
    แก่เรา ก็ความเพียรที่ย่อหย่อนเกินไปเป็นเหตุ
    สมาธิของเราจึงเคลื่อน เมื่อสมาธิเคลื่อนแล้ว
    แสงสว่างและการเห็นรูปจึงหายไปได้

    เปรียบเหมือนบุรุษจับนกคุ่มหลวมๆ นกคุ่มนั้น
    ต้องบินไปจากมือเขาได้ ฉันใด...

    ฉันนั้นเหมือนกันแลความเพียรที่ย่อหย่อนเกิน
    ไปแล เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็ความเพียรที่ย่อ
    หย่อนเกินไปเป็นเหตุ สมาธิของเราจึงเคลื่อน
    เมื่อสมาธิเคลื่อนแล้ว แสงสว่างและการเห็น
    รูปจึงหายไปได้ เราจักทำให้ไม่เกิดวิจิกิจฉา
    อมนสิการ ถีนมิทธะ ความหวาดเสียว ความ
    ตื่นเต้น ความชั่วหยาบ ความเพียรที่ปรารภ
    เกินไป และความเพียรที่ย่อหย่อนเกินไป
    ขึ้นแก่เราได้อีก

    ตัณหาที่คอยกระซิบแล เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็
    ตัณหาที่คอยกระซิบเป็นเหตุ สมาธิของเรา
    จึงเคลื่อน เมื่อสมาธิเคลื่อนแล้ว แสงสว่าง
    และการเห็นรูปจึงหายไปได้

    เราจักทำให้ไม่เกิดวิจิกิจฉา อมนสิการ ถีน
    มิทธะ ความหวาดเสียว ความตื่นเต้น ความ
    ชั่วหยาบ ความเพียรที่ปรารภเกินไป ความ
    เพียรที่ย่อหย่อนเกินไป และตัณหาที่คอย
    กระซิบขึ้นแก่เราได้อีก

    ความสำคัญสภาวะว่าต่างกันแล เกิดขึ้นแล้ว
    แก่เรา ก็ความสำคัญสภาวะว่าต่างกันเป็นเหตุ
    สมาธิของเราจึงเคลื่อน เมื่อสมาธิเคลื่อนแล้ว
    แสงสว่างและการเห็นรูปจึงหายไปได้

    เรานั้นจักทำให้ไม่เกิดวิจิกิจฉา อมนสิการ
    ถีนมิทธะ ความหวาดเสียว ความตื่นเต้น
    ความชั่วหยาบ ความเพียรที่ปรารภเกินไป
    ความเพียรที่ย่อหย่อนเกินไป ตัณหาที่คอย
    กระซิบ และความสำคัญสภาวะว่าต่างกัน
    ขึ้นแก่เราได้อีก

    ลักษณะที่เพ่งเล็งรูปเกินไปแล เกิดขึ้นแล้ว
    แก่เรา ก็ลักษณะที่เพ่งเล็งรูปเกินไปเป็นเหตุ
    สมาธิของเราจึงเคลื่อน เมื่อสมาธิเคลื่อน
    แล้วแสงสว่างและการเห็นรูปจึงหายไปได้

    เราจักทำให้ไม่เกิดวิจิกิจฉา อมนสิการ ถีนมิทธะ
    ความหวาดเสียว ความตื่นเต้น ความชั่วหยาบ
    ความเพียรที่ปรารภเกินไป ความเพียรที่ย่อ
    หย่อนเกินไป ตัณหาที่คอยกระซิบ ความ
    สำคัญสภาวะว่าต่างกัน และลักษณะที่เพ่ง
    เล็งรูปเกินไปขึ้นแก่เราได้อีก
     
  17. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    5555555

    สำนวนบ้าๆ..

    คนปฏิบัติตามหลัง แปลผิดแปลถูก มั่วกันไปหมด..

    แล้วการทำลายจิตเป็นกริยา หรือ สภาวะ?
     
  18. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    https://palungjit.org/threads/เอ๊ะ-ใครคิด.717180/unread

    ไอ้คิด ไง ที่ คิด..

    ไอ้คิด มันโง่ มัน หยุดไม่เป็น..

    ไอ้คิด มันโง่ มันปล่อยไม่เป็น..

    นอนหลับมันยังคิด มันไม่รู้ตัวเองด้วยสิ..
     
  19. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762

    เขาไม่ให้มาแอบรู้ภาพ ให้แอบมารู้ที่ใจ ภาพจะเกิดช่างแม่ม มัน
    อยู่ที่ ว่า น้าชาติ ขึ้นกรรมฐานด้วยอะไร ลมหายใจ

    หรือ จะคอย จดจ้องดูอารมร์จิตอย่างเดียว
    ถ้าจะนั่ง คอยจดจ้องดูอารมณ์จิตอย่างเดียวมันก้ทำได้หมด
    อยู่ที่ว่า เราจะ มุ่งเป็นหลัก ในกรรมฐานแบบไหน อยู่ที่ความถนัดนะ

    แต่ถ้าหาก ว่า จะคอยจดจ้องดูอารมณ์จิต อย่างเดียว มันดูเหมือนยาก มันก็ต้อง ลองกันไปก่อน

    ของแบบนี้ มันอยู่ที่ ลอง ลอง ลอง กันแบบจริงจัง



    ชำเรือง ไม่ใช่คำหลวงปู่พุธ ถ้าเป็นหลวงปู่ จะใช้ แค่ ว่า ทำจิตให้มีสิ่งรู้ สติมีสิ่งระลึก

    หรือไม่ก็ ทำสติตามรู้ รู้ รู้ รู้ไป ไม่ว่ากิน ดื่ม ทำ พูด คิด จี้ลงมาที่จิต อย่างเดียว
     
  20. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ถ้า ลวกเพ่ 2แช่ บาลุทำ เข้าใจ ข้างบน

    มีความอาจหาญ ร่าเริง ในธรรม

    สามารถเพิกคำสอน สาวกธรรม ราบคราบ
    ลงได้ ไม่ "หวั่นไหว"

    โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง

    สามารถเพิกคำสอน สาวกธรรม ราบคราบ
    ลงได้ ไม่ "หวั่นไหว"


    เพราะ ความหวั่นไหว คือ วิจิกิจฉา หวงศาสดาอื่น
    จะไปเอา สาวกธรรม มาเป็น ศาสดา ไม่ได้ จะยิ่ง
    มากข้อวัตร การปฏิบัติ จะ เรือหาย

    นะ

    พอ พี่ชาติ "จิตร่มๆ"

    พี่ ชาติจะสังเกตได้ก่อนว่า วันนี้ จิตร่มๆ

    ก่อนที่จะหลับตา (จริงๆ ลืมตาก็ได้) แล้ว มนสิการ
    ธรรม ภาพนิมิตเป็น ภายในจะปรากฏ ถ้าลืมตา
    ก็จะรู้ว่า ภาพคนละส่วนกัน คนละ อายตนะกัน
    มีความชัดเจน ทั้งคู่ คือ รู้ว่า มีภาพเกิดจาก
    ตาเนื้อก็มี ภาพเกิดจากนิมิต แสงสว่าง(จิต)ก็มี

    สิ่งที่ ควรยกทำความ คุ้นเคย ก็ตรงคำว่า "จิตรำพึง"
    หรือ "การนมสิการรูป" หรือ "แสงสว่าง" .....

    วิจัย จิตรำพึงได้ จะ เอา สันติ ประเคน คำสาวก
    ที่กล่าวว่า ชำลง ชำเลือง ทันที ไม่ได้เกี่ยวเฮีย
    อะไรเลย !! ยิ่งสมาทานมา ยิ่งเรือหาย แน่นวล
    และจะผลิกเป็น ศาสนาผี เอาชื่อ สาวกมาอ้าง
    เข้าใจว่า อยู่ในข่ายสัมมาทิฏฐิ เปล่าเลย ออก
    ไปทาง เฮียส่งมาเกิด ไปแล้ว

    นะ พอ พี่ ชาติ พร้อมบรรลุธรรม หยิบ นามธรรม
    ชื่อว่า จิตรำพึง หรือ นมสิการซึ่งรูป หรือ แสงสว่าง
    ได้ พอน้อมระลึกได้ นิมิตจะเดินทันที เพราะ
    ทำเหตุไว้ถูก

    ส่วนการจะเคลื่อน พระศาสดา ชี้ทุกขสัจจ
    ให้กำหนดรู้

    เน้นนะครับว่า เป็นการ ชี้ ทุกขสัจจ สมุทัยสัจจ
    ให้เห็น นิโรธนจะปรากฏ มรรคจะเจริญ ไม่ไป
    นั่งเสียเวลา ปั่นนิมิต งุด งา งิ โง โง งม งะ งัง งี
    จานลาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...