พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ทดลององค์ละ ๓ เดือนใส่ทีละองค์ ระหว่างนั้นนำ ๗ องค์ มาฝากผมไว้ก่อน :555:

 

เครื่องบวงสรวง หมากพลู บายศรีสูงกลางต่ำ(พรหม ๑๖ ชั้น เทพ ๙ ชั้น ปากชามทั่วไป) ธูปเทียนดอกบัว กับจิตที่เคารพ น้อม..ใจ อาราธนาทุกพระองค์มาสงเคราะห์เพื่อการศาสนา เพื่อชาติ เพื่อพระมหากษัตริย์ ตั้งมั่นทำ ๓ ส่วนนี้ เชื่อว่า พระท่านสงเคราะห์ครับ ตำรับตำราที่ได้รับมา ก็มี"เชื้อ" จะพาสรรพมวลความรู้มาให้ได้พบทั้งเหตุบังเอิญ และเป็นความตั้งใจ...

ขอความเห็นพี่ใหญ่ก่อนดีกว่านะครับ..

 

5555มาเป็นคุณตั้งใจเบอร์ 2อีกล่ะท่านเพชรครับ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้นั่งดูวัตถุมงคล ที่น้อยคนจะได้เห็นกัน มานั่งดู นั่งคิด นั่งวิเคราะห์ต่างๆนานา ก็ยังไม่ได้คำตอบ นั่งมึนอยู่นาน คิดไม่ออกจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมจึงต้องบอกในลักษณะนั้น เหตุที่ทำคืออะไร งงงงงงงงงงงงงงง งงงงงงงงงงงงงงงงง และ งงงงงงงงงงงงงง

ผมรบกวนคุณเพชรด้วยนะครับ ขอคำปรึกษาหน่อยว่า การที่เราจะบวงสรวงโดยมีเครื่องบวงสรวงขนาดย่อมๆ มีพานบายศรี ต้องใช้บายศรีอะไรบ้าง ผมจะบวงสรวง องค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ,หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,ช่างสิบหมู่(แห่งวังหน้าและวังหลวง) และช่างราษฎร์ จะต้องทำอย่างไรครับ

ผมคิดไม่ตกหลายๆเรื่อง พยายามนั่งวิเคราะห์แล้วก็ไม่ได้ผล คงต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วครับ

ขอบคุณครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ขอบคุณครับ

.

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo
555ตัวผมเองเจอแปลกๆเหมือนกันตอนวันเสาร์เดินเล่นในงานพระนครคีรี
ที่เพชรบุรีครับ แต่ห้อยอยู่ 8องค์เลยไม่ทราบจริงๆว่าองค์ใดครับ(ping)
</TD></TR></TBODY></TABLE>

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร:::
ทดลององค์ละ ๓ เดือนใส่ทีละองค์ ระหว่างนั้นนำ ๗ องค์ มาฝากผมไว้ก่อน :555:
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ถ้าคุณnongnooo ไม่สะดวกฝากไว้ที่คุณเพชร ก็ฝากผมไว้ก่อนได้เช่นกันนะครับ

ยินดีไม่มีปัญหา

 

555ท่านปา-ทานก็เอากะเค้าด้วย เป็นท่านตั้งใจเบอร์3ครับ5555

 

ยอดเลยครับ(good)

 

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo
555ตัวผมเองเจอแปลกๆเหมือนกันตอนวันเสาร์เดินเล่นในงานพระนครคีรี
ที่เพชรบุรีครับ แต่ห้อยอยู่ 8องค์เลยไม่ทราบจริงๆว่าองค์ใดครับ(ping)

</TD></TR></TBODY></TABLE>

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร:::
ทดลององค์ละ ๓ เดือนใส่ทีละองค์ ระหว่างนั้นนำ ๗ องค์ มาฝากผมไว้ก่อน :555:

</TD></TR></TBODY></TABLE>

อย่า ไปรบกวนท่าน ปา ทาน กับคุณเพชรเลยครับ ภารกิจล้นเหลือกันทั้งนั้น เดี๋ยวผมจะรับไว้ดูแลเอง หงิ หงิ (ping-love

 

วันนี้ได้มีโอกาสแว๊บเข้าไปร้านหนังสือ bts เห็นมีหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คส์ อยู่ 2 เล่ม ว่าด้วยเรื่องพระสมเด็จ จับมาเล่มหนึ่งเปิดผ่านๆ โอ้โฮ รูปพระสมเด็จวังหน้าทั้งนั้นเลยครับ(รูปสีกระดาษอาร์ตอย่างดี) แต่ข้อมูลจะคลาดเคลื่อนจากที่เราได้เรียนรู้กัน เช่น ยังมีการพูดถึงผงวิเศษ 5 ประการ ปูนเปลือกหอย เท่านั้นละครับ ผบ.โทรเรียก ไปช่วยดูลูกแผนกของเล่นเด็ก
นำมาเล่าสู่กันฟังครับ ที่ผมอยากอ่านจริงๆและรอคอย ก็คือผลงานคุณหนุ่ม สิทธิพงศ์ ศ.วังหน้า คร๊าบท่าน(ping)

 

มาแล้วท่านตั้งใจตัวจริงคร๊าบ:boo:

 

ฉบับนี้เป็นข้อมูลเจาะลึกครับ คุณหนุ่มจะบรรจุเนื้อหาเรื่องพระกรุพระธาตุพนมจำลองไว้ด้วยครับ หากได้ทำ จะได้หายสงสัยกันว่า ตกลงพระธาตุพนมองค์ไหนกันแน่ คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นที่จ.นครพนม แม้คนที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้นานแรมปีแล้ว ก็ยังเข้าใจว่าเป็นที่จ.นครพนม..ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง ส่วนตัวผมได้ post บอกไปไม่ต่ำกว่า ๓ ครั้งแล้ว แบบนี้ถึงต้องไปรีบเร่งไปอ่านบันทึกทางประวัติศาสตร์ถึงสถานที่ต่างๆในวังหลวง วังหน้า แทนที่จะไปมุ่งเน้นหาพระพิมพ์ สุดท้ายก็จะเอามาถามว่าแท้ไม๊ จากที่ไหน ใครเสกให้วุ่นไปหมด

 

วิธีการใช้พระคาถาของพระปัจเจกะโพธิ์ ให้ได้ผล มี 7 ข้อ ดังนี้

(ว่า "นะโม ฯลฯ" ๓ จบ)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ (พระคาถา บทนำ ว่าครั้งเดียว)
"วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธธัสสะ มาณี มามะ พุทธัสสะ สวาโหม" (พระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์ ว่า ๓ จบ หรือ ๕ จบ หรือ ๗ จบ หรือ ๙ จบ ก็ได้ แต่ต้องสม่ำเสมอจึงจะเกิดผล)


1. ผู้ปฏิบัติตามให้ถูกต้องพระคาถานี้ จะต้องเป็นผู้ที่ใส่บาตรแก่พระสงฆ์อยู่เสมอเป็นนิจ ตั้งแต่หนึ่งองค์ขึ้นไปทุกๆ วันมิได้ขาด รักษาศีล หมั่นสวดมนต์ และสวดพระคาถานี้ เวลาเช้าตื่นนอน ให้ว่าพระคาถานี้ ๓,๕,๗,๙ จบ

2.เมื่อใส่บาตรให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระปัจเจกะโพธิ์ ท่านครูผึ้ง ท่านพระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน) วัดบางนมโคเป็นที่สุดก่อน แล้วจงจบข้าวที่จะใส่บาตร (บทจบทานมีอยู่ด้านล่างแล้ว)

คาถาสำหรับจบทานต่างๆ(เมื่อถวายพระหรือให้ทานทั่วไป)
ตั้ง "นะโม ฯลฯ" ๓ จบ
อิทัง ทานัง สีละวันตาทีนัง นิยาเทมิ, สุทินนัง วะตะเม ทานัง
อาสะวักขะยาวะหัง โหตุ นะโม อายุ วัณโณ สุขัง พะลังฯ

ทุติยัมปิ อิทัง ทานัง สีละวันตาทีนัง นิยาเทมิ, สุทินนัง วะตะเม ทานัง
อาสะวักขะยาวะหัง โหตุ นะโม อายุ วัณโณ สุขัง พะลังฯ

ตะติยัมปิ อิทัง ทานัง สีละวันตาทีนัง นิยาเทมิ, สุทินนัง วะตะเม ทานัง
อาสะวักขะยาวะหัง โหตุ นะโม อายุ วัณโณ สุขัง พะลังฯ

3.แล้วว่าพระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์ ๓,๕,๗,๙ จบ เมื่อใส่บาตรเสร็จแล้ว ให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระปัจเจกะโพธิ์ ท่านครูผึ้ง ท่านพระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน) วัดบางนมโคเป็นที่สุด ขอจงมาโปรดข้าพเจ้าด้วย (หมายถึงผู้ที่กำลังกระทำอยู่)

4.เสร็จแล้วจัดหาน้ำที่สะอาดมาตรวจน้ำ เพื่อแผ่ส่วนกุศลผลบุญที่ได้กระทำไป อุทิศแก่ ปู่-ยา-ตา-ยาย-บิดา-มารดา-ญาติ ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย ตลอดจนถึงผู้ที่มีพระคุณทั้งหลาย อีกทั้งเจ้ากรรม นายเวร ขอจงได้รับส่วนกุศลโดยถ้วยทั่วกัน (บทตรวจน้ำมีในหนังสือนี้)
ตั้ง นะโม ฯลฯ ๓ จบ

คำกรวดน้ำ
อิทัง โน มาตาปิตุ อาทีนัง สุขัง โหตุ

(คำแปล)
"อิทัง ปุญญะผะลัง" อันว่าผลแห่งบุญนี้
"สุขัง" จงเป็นสุข
"มาตาปิตุ อาทีนัง" แก่ท่านทั้งหลายทั่วๆ ไป มีมารดาบิดาเป็นต้น
"โน" แห่งข้าพเจ้าทั้งหลาย
"โหตุ" จงมี ​

5. เมื่อตรวจน้ำเสร็จแล้ว นำไปเจริญ (เท) ควรเป็นที่สะอาดเหมาะสม และใช้ใบไม้รองด้วย แล้วให้ปรารถนาตามความประสงค์ (คำปรารถนามีในหนังสือนี้)

คำปรารถนามาถึงซึ่งพระนิพพาน ทั้งหญิงและชาย
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ นิพพานัง ปะระมังสุขัง อะนาคะเตกาเลฯ
(คำแปล) ข้าพเจ้าขอจงได้ถึงซึ่งพระนิพพาน ด้วยผลกรรมอันเป็นบุญ จะมีในอนาคตกาลเบื้องหน้า

6.เวลาค่ำสวดมนต์ไหว้พระ ให้สวดพระคาถานี้ต่อท้าย ๓,๕,๗,๙ จบ

7.ถึงเวลานอนเข้าในที่ๆ นอน กราบพระที่หมอน แล้วสวดพระคาถานี้ ๓,๕,๗,๙ จบ


ถ้าปฏิบัติได้ดังนี้ เป็นนิจแล้ว จะมีความสุข ความเจริญ มีลาภยศสรรเสริญ เพราะท่านพระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน) วัดบางนมโค จะโปรดบุคคลทั้งหลายทั่วไปที่ยากจน เพื่อให้พ้นทุกข์จากความอดอยาก

แต่ท่านห้ามประพฤติความชั่ว ต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ คือ ศีลข้อ ๒ อทินนาทาน เว้นจากการลักทรัพย์ หรือหยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่อนุญาต กับศีลข้อ ๕ สุราเมรยมัชชปมา เว้นจากการเสพสุรายาเมาทุกชนิด กับห้ามในทางมิจฉาชีพทุกชนิด และการพนันต่างๆ ด้วย

ผู้ใดปฏิบัติดังนี้แล้ว จะเห็นคุณภายใน ๖ เดือน ถ้าปฏิบัตินานๆ หลายปี จะมีความสุขความเจริญยิ่งขึ้น ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ผู้ปฏิบัติจงกระทำใจให้ผ่องแผ้ว ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย พระปัจเจกะโพธิ์ให้เที่ยงแท้ (อย่าได้ระแวงหรือสงสัย) ให้สังเกตดูให้ละเอียดดังนี้

คือให้ตวงข้าวสารที่เคยรับประทาน เดือนนึงหมดเปลืองเท่าไร ปฏิบัติพระคาถานี้แล้ว เดือนนึงจะเหลือข้าวเท่าไร ปฏิบัติต่อไปทุกเดือน ข้าวสารจะหมดเปลืองน้อยลงเท่าไร ข้าวที่หุงเหลือไว้จะไม่บูด ผู้ที่ตกข้าวเปลือกจะขนข้าวเข้ายุ้ง ตวงถังแรกว่าพระคาถานี้ ๓,๕,๗,๙ จบ ตวงถังสุดท้าย ให้ว่าพระคาถาอีกเช่นกัน แล้วจดไว้ว่าได้เท่าไร ครั้นเวลาขนออกจากยุ้ง ให้กระทำอย่างเวลาขนเข้า คือ ตวงถังแรกว่าพระคาถา และถังสุดท้ายให้ว่าพระคาถา แล้วสังเกตดูว่า ข้าวเปลือกจะงอกออกไปเท่าไร ก็คงจะรู้คุณของพระคาถานี้ได้ ผู้ที่ทำนา เมื่อหว่านข้าวกำแรก ว่าพระคาถานี้ กำสุดท้ายว่าพระคาถา ข้าวจะงอกงาม แมลงหรือสัตว์ที่เป็นภัยอันตรายแก่ต้นข้าว จะไม่มารบกวนเลย
<!-- / message --><!-- sig -->
<!-- / message --><!-- sig -->

 

ผมขอทำสรุปเป็นข้อๆจะได้นำไปปฎิบัติแล้วได้ผลจะได้ไม่กล่าวปรามาสพระคาถานี้ ท่านใดที่รู้แล้วก็ขออนุโมทนา ให้ผู้ไม่รู้หรือยังไม่เข้าใจอันเนื่องจากไม่อ่านในหนังสือให้เข้าใจอีกทั้งหนังสือสวดมนต์ที่ลงพระคาถานี้ไว้ก็ไม่ได้ลงการใช้อย่างละเอียด ทำให้ผู้นำไปใช้ไม่สัมฤทธิ์ผลและอาจกล่าวปรามาสต่อพระคาถานี้

สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านเข้าสัมฤทธิ์ผลรวยกับการใช้ในการใช้พระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์
<!-- / message --><!-- sig -->

 

ผู้ไม่ศึกษาก็ไม่มีวันรู้ครับพี่เพชร ต้องศึกษาอีกเยอะ

 

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตั้งจิต
วันนี้ได้มีโอกาสแว๊บเข้าไปร้านหนังสือ bts เห็นมีหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คส์ อยู่ 2 เล่ม ว่าด้วยเรื่องพระสมเด็จ จับมาเล่มหนึ่งเปิดผ่านๆ โอ้โฮ รูปพระสมเด็จวังหน้าทั้งนั้นเลยครับ(รูปสีกระดาษอาร์ตอย่างดี) แต่ข้อมูลจะคลาดเคลื่อนจากที่เราได้เรียนรู้กัน เช่น ยังมีการพูดถึงผงวิเศษ 5 ประการ ปูนเปลือกหอย เท่านั้นละครับ ผบ.โทรเรียก ไปช่วยดูลูกแผนกของเล่นเด็ก
นำมาเล่าสู่กันฟังครับ ที่ผมอยากอ่านจริงๆและรอคอย ก็คือผลงานคุณหนุ่ม สิทธิพงศ์ ศ.วังหน้า คร๊าบท่าน(ping)

ผมจะบอกว่า เมื่อไหร่เปิดข้อมูลคมชัดลึก เมื่อนั้นผมมั่นใจว่า จะมีคนที่ตามหากันมาก แต่ผู้ที่ไม่รู้จะเจอเณรซะเป็นส่วนใหญ่

พระแท้ก็มีอยู่มากเช่นกัน ในความคิดเห็นของผม การสร้างไม่ได้สร้างเป็นแค่หลักหมื่นองค์ แต่สร้างกันเป็นหลักแสนองค์ แต่อยู่ในมือของผู้ที่เก็บจริงๆจังๆ และเก็บเงียบๆ

หุหุหุ

.

 

คนที่ผมรู้จักบางคน คนเดียวนะครับ มีเป็นหมื่นองค์ก็มี แต่เท่าที่รู้ไม่ได้มีอยู่กับคนคนนี้คนเดียว แต่ยังมีอยู่กับอีกหลายๆคน หุหุหุ

.

 

ลิ้มรสกุ้งมังกอน ที่ รร. วินเซอร์ สวีท
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000042609
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">17 เมษายน 2551 10:41 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5"></td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="150"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="150"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> ใครที่ชอบกิน “กุ้ง” โดยเฉพาะ “กุ้งมังกอน” ตัวโตๆ สดๆ จากท้องทะเล ที่มีเนื้อแน่นๆ หวานๆ มื้อนี้ไม่ควรพลาด เพราะที่ห้องอาหารจีน เดอะโกลเด้น พาเลซ โรงแรมวินเซอร์ สวีท สุขุมวิท 20 ชวนมาอิ่มอร่อยกับเมนกุ้งมังกอนยักษ์ใหญ่จากท้องทะเลให้ได้เลือกสรร อาทิ กุ้งมังกอนผัดมันปู กุ้งมังกอนนึ่งกังป๋วยกระเทียมโทน กุ้งมังกอนซอสเป๋าฮื้อ และมีบุฟเฟต์ติ่มซำ มากกว่า 40 ชนิด บุฟเฟต์มื้อกลางวัน ราคา 399 บาท++/ท่าน และมื้อค่ำราคา 499 บาท++/ท่าน ตลอดเดือนเม.ย.นี้โทร.0-2262-1234 ต่อ 1423-4


</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="150"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="150"> </td> </tr> </tbody></table></td> <td width="5"></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> และนอกจากจะมีกุ้งมังกอนมานำเสนอแล้ว เรายังมีอาหารอื่นๆ ที่ชวนกินมานำเสนออีกมากมาย อย่างที่ ห้องอาหารจีน ซัมเมอร์พาเลส โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ชวนมาลิ้มลองความอร่อย กับหลากหลายเมนูจีนต้นตำหรับแบบกวางตุ้ง โดยเชฟใหญ่ที่มากประสบการณ์ แนะนำเมนูพิเศษปูนิ่ม ที่ชื่นชอบไม่ว่าจะ ทอด อบ ต้ม นึ่ง หรือ ผัด บริการทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ตลอดเดือนเม.ย.นี้ โทร.0-2656-0360
</td></tr></tbody></table>

 

ผมจะนำ"หยกเทพเจ้ากวนอูของวังหน้า" ไปวางอธิษฐานจิตอัญเชิญกระแสบารมี และดวงวิญญาณของ"ท่านกวนกง"ประจุลงในชิ้นหยกนี้ที่"สุสานขุนพลกวนหลิน" เทพเจ้าสงคราม และความซื่อสัตย์ ใน trip ของเดินทางเมืองจีนเที่ยวนี้ด้วย...อีกทั้งในวันที่ไปที่สุสาน และที่ศาลไคฟงคารวะรูปเหมือนขนาดเท่าคนจริง ผมเช็คดูแล้ว ปรากฎว่าเป็นวันที่ ๙ พฤษภาคม ซึ่งถือเป็น"เพชฌฆาฎฤกษ์" ก็เป็นวาระจัดสรรจริงๆ

 

วัยรุ่น 7 จว.ใต้ฮิตดื่มโซแลมผสมน้ำอัดลม เผยพกง่าย ซื้อสะดวก เตือนระวังเสียสาว
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000044642
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">17 เมษายน 2551 07:35 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> วัยรุ่น 7 จังหวัดภาคใต้ ฮิตดื่มโซแลมผสมน้ำอัดลม แทนเสพสี่คูณร้อย หลังรัฐปราบกระท่อมจนหายาก ระบุ เป็นที่นิยมทั้งชาย-หญิง เพราะดื่มได้ทุกที่ไม่มีใครสงสัย แถมพกง่าย ซื้อสะดวก ราคาเม็ดละ 25-30 บาท เสพแล้วเคลิ้ม ลืมตัว เสพหนักอาจถึงขั้นป่วยทางจิต และเสียชีวิต ด้าน อย.ระบุเป็นยาควบคุม เร่งตรวจสอบที่มา

นางกัลยทรรศน์ ติ้งหวัง เจ้าหน้าที่เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค จ.สตูล กล่าวว่า จากการทำงานในพื้นที่ จ.สตูล ด้วยการคลุกคลีทำกิจกรมในโครงการเชิงสร้างสรรค์ต่างๆ กับเยาวชน ทำให้ทราบข้อมูลว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ถูกเบียดขับจากสังคม เช่น เด็กนักเรียนหลังห้องที่ถูกเพิกเฉย ไม่ได้รับการเอาใจใส่จากครูในโรงเรียน และเด็กที่พ่อแม่ไม่มีเลี้ยงดู เป็นต้น มีการร่วมกลุ่มหลังเลิกเรียนและหลังโดดเรียน ไปมั่วสุมทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสพยาเสพติด ซึ่งเดิมนิยมยาเสพติดสูตรสี่คูณร้อยที่มีส่วนผสมของใบกระท่อม ยาแก้ไอ น้ำอัดลมและยากันยุงชนิดขด จนต่อมามีการพัฒนาสูตรเพิ่มสารฟลูออเรสเซนต์เป็นยาเสพติดสูตรห้าคูณร้อย

ต่อมามีการพัฒนาสูตรเป็นสูตรแปดคูณร้อย มีส่วนผสมหลักเหมือนห้าคูณร้อยแต่มีการเติมเหล้าแห้ง โซดา และยากล่อมประสาท ที่วัยรุ่นเรียกว่า โซแลม, mano 1 หรือลูกเม็ด หรือบางพื้นที่อาจมีการเพิ่มหรือลดส่วนผสมต่างๆ ตามความต้องการของแต่ละกลุ่มวัยรุ่น

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีบางกลุ่มของวัยรุ่นนิยมเพิ่มส่วนผสมให้เพิ่มมากขึ้น แต่ในทางกลับกันก็สร้างความยุ่งยากในการเสพเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้ไม่ทันใจ วัยรุ่นส่วนใหญ่ในพื้นที่จึงหันมาให้ความสนใจ และนิยมกับการดื่มเพียงโซแลมผสมน้ำอัดลม โดยนิยมดื่มในกลุ่มวัยรุ่น นักเรียนผู้ชายและผู้หญิง เนื่องจากทำง่ายใช้เวลาเร็ว ราคาถูกเม็ดละ 25-30 บาท มีทั้งขายเป็นเม็ดและเป็นแผง 10 เม็ด หาซื้อง่ายจากเพื่อนๆ หรือเอเยนต์ที่เป็นที่รู้กันในหมู่วัยรุ่น และพกพาสะดวกรอดจากสายตาการตรวจจับของเจ้าหน้าที่รัฐ พ่อแม่ และครู ไม่เหมือนยาบ้าที่เสี่ยงต่อการถูกจับได้ง่าย และเท่าที่สอบถามไปยังเพื่อนๆในเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค พบว่ากำลังเป็นแพร่หลายในหมู่วัยรุ่นและนักเรียนในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง

นางกัลยทรรศน์ กล่าวอีกด้วยว่า โซแลมจะมีลักษณะสีม่วงเข้ม เป็นยากล่อมประสาทชนิดหนึ่ง ที่ใช้ในการรักษาผู้ที่ป่ายทางจิต หลังการดื่มจะให้ผลลักษณะใกล้เคียงกับการเสพยาสูตรสี่คูณร้อย โดยจะมีอาการเคลิ้ม มึนงง ลอยๆ ไม่กระวนกระวาย กล้าพูดกล้าทำ ลืมตัวทำอะไรโดยไม่รู้ตัว หลังจากหมดฤทธิ์ยาจะไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง แต่จะไม่มีอาการจิตหลอนเหมือนการดมกาว ซึ่งเดิมโซแลมจะเป็นที่นิยมเฉพาะในหมู่คนที่ไปเที่ยวกลางคืนเท่านั้น แต่ปัจจุบันวัยรุ่นดื่มอย่างแพร่หลายตามหอพัก บ้านเพื่อน หรือตามที่สาธารณะต่างๆ เนื่องจากสามารถผสมได้ง่ายๆ ไม่เป็นที่สังเกตของผู้อื่น คนที่ผ่านมาเห็นอาจเข้าใจว่าเป็นเพียงการดื่มน้ำอัดลมธรรมดา จึงไม่ได้ให้ความสนใจในการเข้าไปตรวจสอบหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเหมือนกับการต้มยาสูตรสี่คูณร้อยหรือแปดคูณร้อย”

“เท่าที่ถามวัยรุ่นทำไมต้องเอามาผสมกับน้ำอัดลม ก็ได้คำตอบว่าหากกินเพียงโซแลมเฉยๆ จะไม่สนุก ตื่นเต้น จะมีผลเพียงทำให้หลับ เพราะเป็นยาคลายเครียดชนิดหนึ่ง แต่หากนำมาผสมกับน้ำอัดลมชนิดนี้ที่มีส่งผสมของกาเฟอีน ทำให้เกิดปฏิกิริยาจนมีผลกระตุ้นร่างกายผู้ที่ดื่มได้” นางกัลยทรรศน์ กล่าว

ด้าน ภก.วิโรจน์ สุ่มใหญ่ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ด้านการปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า โซแลมที่อ้างถึงอาจจะหมายถึงอัลปราโซแลม (ALprazolam) ซึ่งเป็นยากล่อมประสาท และจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 4 ที่อยู่ในความควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตามกฎหมายให้ขายในร้ายขายยาได้แต่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์และต้องรายงานการใช้ส่ง อย.ทุกเดือน ซึ่งบทลงโทษผู้ผลิต ขาย นำเข้า หรือส่งออกวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 3 หรือ 4 โดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษจำคุก 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท เภสัชกรที่ขายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 3 หรือ 4 โดยไม่มีใบสั่งแพทย์หรือละทิ้งหน้าที่ในการควบคุมการขาย มีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท ส่วนผู้ที่จูงใจ ชักนำ ยุยงส่งเสริม ใช้อุบายหลอกลวงหรือขู่เข็ญให้ผู้อื่นเสพ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000-200,000 บาท

ทั้งนี้ การดื่มโซแลมจะทำให้ภาวะความตระหนักรู้ตัวเสียไปอย่างมาก จึงมีพวกมิจฉาชีพนิยมนำยานี้มาใช้ในการล่อลวงสาวให้มีเพศสัมพันธ์ด้วย จนเรียกว่า ยาเสียสาว ซึ่งยาชนิดนี้หากใช้ในระยะยาวไม่ส่งผลด้านสุขภาพ แต่ที่ต้องกำหนดให้เป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 4 เพื่อต้องการป้องกันไม่ให้มีการนำยาไปใช้ในทางที่ผิด ด้วยการมอมผู้หญิง ซึ่งจากนี้จะเร่งประสานกับพื้นที่ในการตรวจสอบที่มาของยาว่ามีการลักลอบนำเข้าจากพื้นที่หรือแหล่งใด เพื่อจะได้ปราบปรามโดยเร็วที่สุด

“การที่วัยรุ่นใต้หันมาให้ความนิยมดื่มโซแลมแทนยาเสพติดสูตรสี่คูณร้อยอาจเป็นผลมาจากการปราบปรามการลักลอบจำหน่ายใบกระท่อมอย่างได้ผลทั่วทั้งพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในการเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะในกิ่งอำเภอมะนัง จ.สตูล และอาจเป็นทางออกของวัยรุ่นเพื่อทำให้ไม่ต้องคิดมาก หรือย้ำคิดย้ำทำกับปัญหา” ภก.วิโรจน์ กล่าว

 

ไว้ผมนัดคุณเพชรอีกครั้งนะครับ

.