///วัตถุมงคล/เครื่องราง...เริ่มหน้า 72..//

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Pitiphat, 20 มกราคม 2018.

  1. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่945 สาริกา เนื้อไม้รัก หลวงพ่อเคน วัดเขาอีโต้
    บูชา 200 บาท
    IMG_20180417_222901.jpg IMG_20180417_222851.jpg
     
  2. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่946 พระสมเด็จเนื้อผง ผสมแร่บางไผ่ พิมพ์สังฆาฏิ วัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี พ.ศ.2541 ด้านหลังยันต์จม ขนาดฐานกว้าง 1.9 x สูง 2.8 เซ็นติเมตร
    บูชา 200 บาท
    IMG_20180421_223248.jpg IMG_20180421_223238.jpg showimage.jpg
     
  3. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่947 ปลัดขิกเนื้อไม้กัลปังหาดำ จารเต็ม พระครูสุภัทรกิจจาทร (อาจารย์หลาย) วัดคันลัด(คลองลัดโพธิ์) จ.สมุทรปราการ ปี2555
    กัลปังหา เป็นสัตว์ที่เกิดใต้ทะเลจับกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่กลายเป็นแกนและก้าน ซึ้งต้องใช้ระยะเวลานานนแสนนาน จึงจะเกิดเป็นแกนลำต้น(นับสิบนับร้อยปี)
    มีหลายหลากสีแต่ที่มักพบเห็นได้แก่ สีแดง , สีขาว , สีดำ สีแดงเป็นสีที่หายากกว่าสีอื่น รองลงมาเป็นสีขาว และสีดำ กัลปังหาไม่ว่าสีอะไรเป็นเครื่องราง
    ที่นิยมกันมากของภาคใต้ ป้องกันเสนียดจัญไร กันสิ่งชั่วร้ายอัปมงคล และยังเป็นเครื่องรางแห่งการนำโชคลาภ เจริญรุ่งเรือง จากประวัติที่หลายหลวงพ่อหลายคณาจารย์ นำมาเป็นวัตถุมงคล จากข้อมูลในตำรายาสมุนไพรไทย ได้มีเขียนบอกว่าสรรพคุณ กัลปังหามีรสฝาด ใช้ทาเป็นยาสมานแผลอ่อนๆแก้เนื้อหนัง
    ฉีกขาด รักษาแผลเรือรัง หลายหลวงพ่อต่างบอกว่ามีบูชาไว้ดีนักแล
    และที่สำคัญ ชาวจีนโบราณมีความเชื่อว่ากัลปังหาเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง

    บูชาชิ้นละ 200 บาท
    ชิ้นที่1. IMG_20180427_204624.jpg IMG_20180427_204608.jpg 1.5 นิ้ว
    ชิ้นที่2. IMG_20180427_204407.jpg IMG_20180427_204353.jpg 2 นิ้ว
     
  4. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่948 พระนาคปรกใบมะขาม หลวงปู่ทอง วัดหลักห้า ยะลา
    ประวัติ พระครูมงคลวรสิทธิ พ่อท่านทอง ถิรจิตโต อดีตเจ้าอาวาสวัดหลักห้า อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ศิษย์สายสำนักเขาอ้อ
    เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่งของเมืองยะลา เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการยก ย่องว่าเคร่งครัดพระธรรมวินัย ใส่ใจวัตรปฏิบัติของสงฆ์

    ชื่อเสียงของท่าน เป็นที่รับรู้กันทั่วถึงประสบการณ์ที่เล่าขานด้านวัตถุมงคล

    หลังอุปสมบท ท่านไปอยู่จำพรรษาที่วัดหลักห้า ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา วัดที่ท่านสร้างขึ้นมาเองบนที่ดินของท่านเองตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่บ้าน ด้วย พร้อมทบทวนวิทยาคมและเรียนพระปริยัติธรรม มุมานะ ศึกษาเล่าเรียนจนสามารถสอบได้
    ท่านยังให้ความสนใจด้านวิทยาคม เป็นศิษย์สำนักเขาอ้อร่ำเรียนจากตำราเก่าแก่ที่สมัยนั้นพระสงฆ์ภาคใต้นิยมศึกษา และยังศึกษาวิชาสมาธิกรรมฐานกับพ่อท่านวัดป่าศรี ปัตตานี พ่อท่านแดง วัดหลักห้า พ่อท่านดำวัดหลักห้า (สองรูปนี้ท่านได้นิมนต์มาให้เป็นเจ้าอาวาสวัดหลักห้า รูปที่สามและรูปที่สี)อาจารย์ชุม ไชยคีรี คุณแม่บุญสืบ ไชยคีรี รวมถึงไปขอฝากตัวเป็นศิษย์พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ หลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญ กทม.
    ในช่วงเวลาว่าง ท่านมักเดินทางไปสนทนาธรรมแลกเปลี่ยนวิชากับเจ้าคุณพ่อท่านฉิ้นวัดเมืองยะลาและพ่อท่านแสงวัดบ้านตรัง ปัตตานี (เครือญาติ)

    ในปี พ.ศ.2501 พ่อท่านทองจึงได้สร้างวัดหลักห้า ขึ้นบนที่ดินของท่าน ในขณะที่เป็นผู้ใหญ่บ้านหลักห้า พร้อมทั้งรับตำแหน่งเจ้าอาวาสเมื่อครั้งอุปสมบทรอบสอง ชาวบ้านแถบนั้นเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ได้ช่วยกันสร้างกุฏิไม้ เพื่อใช้เป็นที่เจริญสมณธรรม

    จากเริ่มแรกวัดหลักห้า ยะลา มีเพียงกุฏิไม้หลังเดียว ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้รับการพัฒนาขึ้น เพียบพร้อมด้วยเสนาสนะ อุโบสถ, ศาลาการเปรียญ, หมู่กุฏิสงฆ์, เมรุ ฯลฯ

    ด้วยความเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดพระธรรมวินัย และมีคาถาขลัง ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว

    ในแต่ละวันมีผู้เลื่อมใสศรัทธา เดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ไม่ขาดสาย

    สำหรับปัจจัยที่ได้จากการบริจาคศรัทธาก็นำมาพัฒนาวัด สร้างสาธารณู ปโภค สาธารณูปการ รวมทั้งบริจาคสาธารณกุศลช่วยชุมชน

    ท่านปรารภเสมอว่า ทรัพย์สินเงินทองไม่มีความจำเป็นต่อสมณเพศ เพราะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยศรัทธาของญาติโยม

    ส่วนหลักธรรมที่ท่านพร่ำสอนญาติโยมมาโดยตลอด คือ การรักษาศีล 5 ให้มุ่งทำดีละชั่วแล้วชีวิตจะพานพบแต่สิ่งดีๆ
    ....เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย มักจะพร่ำสอนญาติโยมที่เข้ามากราบไหว้เสมอๆ ว่า

    "คนเราจะมีความสุขสงบในสังคมได้ ต้องถือศีล 5 เพราะทำให้สังคมสงบสุข ปิดกั้นภัยเวรต่างๆ ได้ แต่ที่พวกเรารู้สึกว่าทำได้ยากหรือขัดกับชีวิตประจำวัน เพราะจิตใจของเราเป็นสำคัญ"

    กล่าวขวัญกันว่า พ่อท่านทองเก็บตัวเงียบมานาน แต่คน ยะลา รู้จักดี ด้วยความที่มีชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก จึงได้สร้างวัตถุมงคลเอาไว้หลายรุ่น ทั้งเหรียญพระ พระผง รูปหล่อ พระกริ่ง ฯลฯ เพื่อมอบให้ผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์และเสนาสนะภายในวัด

    ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านที่ได้รับความนิยมในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสม โดยเฉพาะ "พระผงพระเจ้าห้าพระองค์" ซึ่งสร้างจากตำราเขาอ้อโบราณ จากนั้นก็ลองทำออกมาหลายรุ่น ทั้งตะกรุด สีผึ้ง ผ้ายันต์ และปลุกเสกด้วยคาถาที่ระบุไว้ในตำรา

    ชื่อเสียงของท่านโด่งดัง เป็นที่กล่าวขวัญในหมู่ศิษย์ชาวเมืองยะลาเป็นยิ่งนัก
    เกียรติคุณบารมี รวมทั้งพุทธาคมอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ทำให้ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่มีบารมีทางกระแสจิตแก่กล้า ระดับแนวหน้าของจังหวัดยะลาอีกรูปหนึ่ง

    บูชา 200 บาท

    95132.jpg 95133.jpg
     
  5. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่949 พระผงพระพิฆเนศ หลังโรยพลอย หลวงพ่อล้าน เขมจิตฺโต หรือ พระครูเกษมจิตตาภิรักษ์ วัดเกษมบำรุง (วัดขนาย) ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
    ชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก ต้องช่วยเหลือครอบครัวทำงาน แต่ยังมีเวลาที่จะศึกษาเล่าเรียน เมื่ออายุ ๗ ขวบ ได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดขนาย จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ หลังจากนั้นได้ช่วยครอบครัวประกอบอาชีพทำนา และปลูกผักขาย ใช้ชีวิตในวัยหนุ่มด้วยการหาเลี้ยงครอบครัว แต่แล้วในวัย ๒๗ ปี ท่านเกิดมีความคิดที่จะบวชเรียนตามประเพณี จึงได้กราบลาบุพพการีเข้าพิธีอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ณ วัดขนาย โดยมีพระครูสถิตสันตคุณ (หลวงพ่อพัว วัดบางเดือน) เจ้าคณะอำเภอคีรีรัฐนิคม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูพิทักษ์ธรรมสาร (หลวงพ่อพริ้ม) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูรัษฎารามคณิศร์ เจ้าคณะตำบลบางงอน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายานามว่า เขมจิตฺโต หลังอุปสมบทท่านได้ศึกษาในพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ก่อนหันไปศึกษาวิชาอักขระขอม ลงเลขยันต์จากหลวงพ่อพริ้ม นอกจากวิทยาคมอักขระขอม ท่านยังได้เรียนวิชาต่อกระ
    ดูกตำรับวัดขนายโดยตรงจากหลวงพ่อพริ้มผู้เป็นอาจารย์ ท่านศึกษาวิชาต่อกระดูกจนมีความเชี่ยวชาญ ท่านได้นำวิชาที่ได้ร่ำเรียนมาใช้รักษาชาวบ้านที่ประสบอุบัติเหตุกระดูกหักให้หายเป็นปกติ จึงเป็นที่กล่าวขานกันมากว่า ”หากมีเหตุกระดูกหัก หรือกระดูกแตกให้นำคนเจ็บมาทำการรักษากับพ่อหลวงล้านที่วัดขนาย รับรองหายเป็นปกติทุกราย“ ซึ่งทุกวันนี้ยังคงมีผู้ได้รับบาดเจ็บมาทำการรักษาที่วัดขนายเสมอๆ ท่านจะให้คำปรึกษาในเรื่องการต่อกระดูก และการรักษาด้วยน้ำมันสมุนไพรตามตำราที่ท่านได้
    ร่ำเรียนมา ในบางครั้งบางโอกาสหากมีคนบาดเจ็บมาที่วัดอย่างฉุกเฉินหรือในกรณีที่บาดเจ็บเล็กๆน้อยๆท่านก็ช่วยดูแลรักษาคนเจ็บด้วยตนเอง ส่วนการดูแลรักษาประจำนั้นจะมีหมอพื้นบ้านเป็นผู้ทำการรักษาอยู่ภายในอาคารผู้ป่วยของวัดขนายที่ท่านได้สร้างไว้ให้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมีเมตตาเอาใจใส่ของท่านเสมอมา
    ปัจจุบัน หลวงพ่อล้าน เขมจิตฺโต มีสิริอายุ ๘๑ ปี พรรษา ๕๔ ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเกษมบำรุงเพียงตำแหน่งเดียว ส่วนตำแหน่งเจ้าคณะตำบลบางงอน ท่านได้ลาออกแล้ว เนื่องจากวัยที่ร่วงโรยและปัญหาเรื่องสุขภาพ ท่านเป็นพระสงฆ์อย่างแท้จริงไม่ติดในลาภยศสักการะ บำเพ็ญเพียรตั้งมั่นอยู่ในสมณธรรมอย่างเคร่งครัด มีวัตรปฏิบัติดี เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมเป็นที่พึ่งพิงทางใจของพุทธศาสนิกชนทั่วไป เป็นพระนักพัฒนาและเป็นพระ
    เกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือไปทั่วสารทิศจนถึงต่างประเทศ ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าแห่งเมืองใต้ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งศิษยานุศิษย์ของท่านมีมากมายหลายกลุ่มทั้งชาวบ้าน พ่อค้านักธุรกิจ ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร โดยเฉพาะทหารอากาศสังกัดกองบิน ๗ สุราษฎร์ธานีจะศรัทธาท่านมากเป็นพิเศษหากมีพิธีกรรมมักจะนิมนต์ท่านไปเสมอๆ ...
    /// กล่าวกันว่า หลวงพ่อล้าน มีความชำนาญพระคาถาอิติปิโส ๘ ทิศ, มงกุฎพระพุทธเจ้า, พระเจ้า ๑๖ พระองค์ และฆะเฏสิ ทรงอิทธิคุณในทางขับไล่สิ่งอัปมงคลชั่วร้าย เสริมดวงชะตา นำพาโชคลาภวาสนาบารมี สำหรับวัตถุมงคลที่หลวงพ่อล้าน ได้จัดสร้างจนโด่งดัง คือ เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก หลังยันต์น้ำเต้า แต่ ที่ได้รับการเล่าขานถึงอย่างกว้างขวาง คือ ตะกรุดผานไถพลิกแผ่นดิน ที่จัดสร้างจากผานไถจริงที่ใช้ไถนา เอามาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ทำตะกรุด นำมาหลอมรวมกันตามสูตรที่เรียนมาจากครูบาอาจารย์ จนได้รับการยอมรับจากบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่องวัตถุมงคลว่ามีคุณเด่นด้าน เมตตามหานิยมและค้าขายเจริญรุ่งเรือง หลวงพ่อล้าน กล่าวว่า "ตะกรุดผานไถพลิกแผ่นดิน ที่ช่วยให้สามารถพลิกชะตาจากร้ายให้กลายเป็นดี ดุจเดียวกับผานไถนาที่ช่วยพลิกแผ่นดินที่เสียให้กลับกลายเป็นดินดี สามารถปลูกข้าวให้งอกงามได้ เป็นที่เชื่อถือกันมาแต่โบราณ แต่กระนั้น จะอาศัยเพียงวัตถุมงคลอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องใช้ความพยายามลงมือทำ สร้างเนื้อสร้างตัว อย่าไปเบียดเบียนผู้อื่น และที่สำคัญ ต้องมีศรัทธาประกอบด้วย จะทำให้เราประสบผลสำเร็จได้"
    /// แต่ถึงแม้วัตถุ มงคลของหลวงพ่อล้าน จะได้รับความนิยมจากบรรดาสานุศิษย์ แต่ท่านไม่เคยอวดโอ่ มี แต่พร่ำสอนให้ญาติโยม อย่าดำรงชีวิตด้วยความประมาท อย่ายึดมั่นถือมั่นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น ขณะยังมีชีวิตขอให้ทุกคนหมั่นประกอบแต่กรรมดี ละเว้นทำชั่ว เพราะอายุคนนั้นสั้นนัก ถึงไม่แก่ไม่เฒ่าก็ตายได้เช่นกัน จงอย่าประมาท หลวงพ่อล้าน มักนำปัจจัยที่สานุศิษย์นำมาถวายหรือได้รับกิจนิมนต์เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกสำคัญทุกครั้ง เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา จะนำไปพัฒนาวัดและส่งเสริมด้านการศึกษาทั้งสิ้น ทำให้วัดขนายแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว รวมทั้งพัฒนาบรรยากาศภายในบริเวณวัดมีแต่ความสงบวิเวกเหมาะสมสำหรับการ ปฏิบัติธรรม ด้วยล่วงเข้าสู่วัยชราอายุกว่า ๗๗ ปีแล้ว ทำให้สุขภาพร่างกายย่อมเสื่อมถอยไปตามวัย แต่ถึงกระนั้น ท่านก็คงยังเมตตาให้คณะศิษย์ได้เข้าพบเพื่อกราบนมัสการสนทนาธรรมจากท่านอยู่ มิได้ขาด สมกับที่ได้รับการยกย่องให้ท่านเป็น
    "พระเกจิดังแห่งลุ่ม น้ำตาปี" ......

    บูชา 200 บาท
    IMG_20181213_063032.jpg IMG_20181213_063022.jpg IMG_20181213_063011.jpg IMG_20181213_063000.jpg
     
  6. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่950 พระลีลา หลังยันต์ฝังตะกรุด เนื้อผง หลวงพ่อเกษม เขมโก วัดสุสานไตรลักษณ์ ลำปาง
    พระปางลีลา เชื่อว่า จะทำให้มีความเจริญก้าวหน้าทุกอย่าง การงาน การเงิน การเรียน ความรัก ธุรกิจ ค้าขาย กิจการ จะไม่หยุดนิ่ง จะพบแต่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จึงเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการมีความก้าวหน้าในทุกๆด้านของชีวิต
    คุณshaj ปิดครับ
    IMG_20181213_063111.jpg IMG_20181213_063102.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2018
  7. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่951 ลูกอม กันภัย หลวงพ่อเขียว วัดห้วยเงาะ ปัตตานี มีโค๊ต
    พระเกจินับแต่ยุคโบราณมักนำผงมาปั้นเป็นก้อนกลม เรียกว่า “ ลูกอม ”เพื่อที่จะให้พกพาได้สะดวกใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกงก็ได้เนื่องจากไม่ใช่รูปเคารพใดๆถือเป็นเครื่องราง ไม่ว่าชาติศาสนาใดทั้งเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็สามารถนำมาพกได้ ในตำหรับวัดห้วยเงาะนั้นพ่อท่านทำแจกมานานแล้วเพียงแต่ไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก เมื่อไม่นานมานี้ราวปลายปี 2552 ท่านมอบหมายให้ศิษย์ที่ไหว้ครูได้ช่วยทำอะไรให้ท่านบ้าง โดยท่านให้ปั้นลูกอมถวายมวรสารที่สำคัญคือ หินสะกดระเบิด ที่นำมาจากประเทศมาเลเซีย เป็นหินอาถรรพ์ที่แม้จะทำการระเบิดอย่างไรระเบิดก็ไม่ทำงานขนาดเครื่องยนต์รถแทร๊คเตอร์ขนาดใหญ่ของเหมืองแร่ยังเครื่องดับสนิทเมื่อทำการดันหินนี้ไม่มีใครทำอะไรได้ พ่อท่านจึงนำกลับมา

    เมื่อคราวไปเยี่ยมศิษย์ที่มาเลเซีย นอกจากนั้นยังมี ดินบารอ ผงวิเศษต่างๆ ผงว่าน 108 ทุก อย่างทำเป็นผงคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน ปั้นเป็นก้อนกลม มีสองสี คือดำเทา และ สีชมพู กดโค๊ต ข. ใน กงจักร ทุกเม็ด

    เมื่อคราวปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่น กิตฺติคุโณผู้จัดสร้างได้ประชาสัมพันธ์ว่าจะแจกวัตถุมงคลให้แก่ผู้มาร่วมพิธี มีคนมากันมากวัตถุมงคลไม่พอแจก ท่านเจ้าอาวาส พระปลัดอุดม อริโย ท่านเห็นว่ามากันแล้ว ด้วยความเมตตาท่านจึงเปิดลังกระดาษนำลูกอมออกมาแจกให้ทุกคนที่ยังไม่ได้รับวัตถุมงคลได้รับกลับไปจำนวนหนึ่ง

    ถัดมาไม่ถึงอาทิตย์ มีผู้เกิดประสบการณ์โดนงูเห่าในสวนยางฉกกัดถึง 3 ครั้ง
    แต่เข้าไม่ระคายผิว พิษงูไม่ทำอันตราย นับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ คงเป็นไปตามสิ่งที่ตำรากล่าวถึงตอนหนึ่ง ว่า ลูกอมนี้ " กันลมเพลมพัด กันเขี้ยวงา กันภัยต่างๆ "
    บูชา 200 บาท

    IMG_20180511_212632.jpg IMG_20180511_212624.jpg
     
  8. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่952 พระผงของขวัญ วัดปากน้ำ รุ่น 6 พระไตรปิฏก เนื้อฟักทอง ภาษีเจริญ กทม.
    พระผงของขวัญ วัดปากน้ำ รุ่น 6 พระไตรปิฏก สร้างเพื่อนำรายได้ไปสร้างพระไตรปิฎกหินอ่อนที่พุทธมณฑล ปลุกเสกโดย พระราชพรหมเถระ (วีระ คณุตตโม) พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระและรองเจ้าอาวาส วัดปากน้ำในปัจจุบัน ผู้เป็นศิษย์สืบทอดวิชาธรรมกายชั้นสูง จากลพ.สด วัดปากน้ำโดยตรง โดยท่านสำเร็จวิชาธรรมกายตั้งแต่บวชใหม่ๆและอยู่กุฏิเดียวกับลพ.สด จำนวนการสร้างทั้งหมด สามล้านองค์ กับพระคะแนนรุ่นนี้อีก สามหมื่นองค์ เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2532 ซึ่งเป็นวันเกิดหลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำรูปปัจจุบัน แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2533 รวมเวลา 7 เดือนเต็ม เปิดให้บูชาครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ปี 2533 อันเป็นวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงพ่อวัดปากน้ำ

    การสร้างพระเป็นแบบทยอยสร้างทยอยบรรจุวิชชาธรรมกาย กล่าวคือเมื่อพิมพ์พระได้จำนวนหนึ่งผึ่งแห้งได้ที่แล้ว ก็นำบรรจุกล่องไปทำวิชชา ขณะเดียวกันก็ผสมเนื้ออีกสูตรหนึ่งพิมพ์พระออกมาใหม่แล้วก็นำไปบรรจุวิชชาธรรมกายเหมือนเดิม ทำอย่างนี้เรื่อยไปไม่มีขาดตอน พระรุ่นนี้มีส่วนผสมของวัตถุต่างๆดังนี้คือ ปูนขาวจากเปลือกหอย กล้วยน้ำว้า ดอกไม้แห้งที่บูชาหลวงพ่อที่ได้รวบรวมไว้ ขี้ธุปจากกระถางที่บูชาหลวงพ่อ ทองคำเปลวที่ลอกมาจากองค์หลวงพ่อ ผงเก่าของวัดปากน้ำรุ่น 1-5 หินรัตนชาติและพลอยสี (มีเฉพาะพระคะแนน) โดยมีทั้งหมด 46 พิมพ์ (พิมพ์มาตรฐาน 39 พิมพ์ พิมพ์คะแนน 3 พิมพ์ และลองพิมพ์อีก 4 พิมพ์)
    บูชา 200 บาท

    IMG_20180511_212502.jpg IMG_20180511_212451.jpg
     
  9. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่953 หลวงปู่ทวด เนื้อว่าน หลังหนังสือใหญ่ วัดช้างให้ ปี13 (ผสมผงว่านหลวงปู่ทวด ปี2497)
    ***หลวงปู่ทวดเนื้อดินเผา วัดช้างให้ ปี 2513 (ผสมผงว่านหลวงปู่ทวด ปี2497) สร้างโดยพระครูใบฎีกาขาว รกุขิตธมุโม เจ้าอาวาสวัดช้างให้ ลำดับต่อจากอาจารย์ทิม และท่านเป็นน้องชายแท้ๆของอาจารย์ทิมครับ ..ท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดช้างไห้ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๒ - พ.ศ.๒๕๒๑
    ***หลวง ปู่ทวด หลังหนังสือ ปี๒๕๑๓ ...องค์นี้เป็นเนื้อดินเผา ผสมผงว่านหลวงปูทวด ปี2497 ชุบรักเก่า แท้ดูง่าย ปัจจุบันนี้หายากแล้วครับ พระดี.พระเก่า...น่าบูชาไว้คุ้มครอง ปกป้องจากภัยอันตราย
    บูชา 200 บาท
    IMG_20180512_225259.jpg IMG_20180512_225247.jpg get_auc3_img (9).jpg
     
  10. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่954 พระผงจัมโบ้ หลวงพ่อเกษม เขมโก หลังยันต์นะ ปี38
    การใช้ปฏิภาณโต้ตอบด้วยมุขขำขัน

    ตามปกติแล้วหลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นผู้มีอารมณ์เบิกบานแจ่มใสและมีเรื่องขบขันมาคุยเสมอ บางครั้งท่านคุยอะไรออกมาทั้ง ๆ ที่มีคติ คนที่นั่งอยู่ใกล้ชิดได้ยินได้ฟังการพูดคุยของท่านแล้วจะอดหัวเราะชอบใจไม่ได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งอุบาสิกาบุญชื่น ตันบุญฤทธิ์ เข้าไปกราบนมัสการเรียนถามท่านว่า

    “ท่านพระอาจารย์เจ้าคะ ท่านพระอาจารย์เป็นพระอรหันต์แล้วหรือ”

    ท่านก็ตอบทันทีว่า “เราเป็นอาระหันต๋า หรืออาระต๋าหัน เพราะตาของเราหันทุกสิ่งทุกอย่าง (หมายความว่า ตาของเราเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง) เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด”

    อุบาสิกาบุญชื่นจึงกราบเรียนถามต่อไปว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านพระอาจารย์ ก็คงเป็นพระอริยะแล้ว นะเจ้าคะ”

    ท่านก็ตอบไปว่า “เราเป็นอริเยอะ”

    แปลได้ความว่า ท่านมีข้าวของที่ได้รับจากการถวายท่านไว้เยอะแยะ พอท่านตอบอุบาสิกาบุญชื่นจบแล้ว เท่านั้นแหละ เสียงฮา หัวเราะก็ดังขึ้นพร้อมกัน (ทุกคนที่ได้ยินต่างก็พากันหัวเราะชอบใจในการตอบคำถามของหลวงพ่อเกษม)

    อุบาสิกาบุญชื่นหาได้จบคำถามเพียงแค่นั้นไม่ ความอยากรู้อยากเห็นของแกจึงเรียนถามต่อไปอีกว่า “ท่านพระอาจารย์เจ้าคะ ท่านพระอาจารย์คงได้มรรคผลแล้วนะเจ้าคะ”

    หลวงพ่อเกษมก็ตอบไปทันทีเช่นกันว่า “เราได้มรรคผลแล้ว คือเรามักผลไม้ (ชอบทานผลไม้) เช่น มะม่วง มังคุด ลำไย พุทรา ทุเรียน ขนุน กล้วย ลางสาด เป็นต้น เลยได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์มรรคผลอย่างนี้แหละโยมเอ้ย”


    อารมณ์ขันของหลวงพ่อเกษม

    เรื่องมาจากคำพยากรณ์ของท่านครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย ผู้มีบารมีสูงแห่งวัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ที่ได้พยากรณ์ให้พ่อหนานติ๊บ นามคุณา อดีตอาจารย์ (มรรคนายก) วัดศรีล้อม ขณะนั้นพ่อหนานติ๊บอายุ ๑๙ ปี บวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดพระแก้วดอนเต้า และเป็นผู้คอยติดตามอุปัฏฐากครูบาเจ้าศรีวิชัยท่านเมื่อครั้ง ครูบาเจ้าศรีวิชัยมาบูรณะพระวิหารหลวง วัดพระแก้วดอนเต้า จังหวัดลำปาง ในพ.ศ. ๒๔๖๗ ฟังว่า “เณร วันหน้าต๋นบุญสู จะมาเกิดในเมืองเวียงละกอน (ลำปาง) บ่าเดี่ยว (เวลานี้) ยังน้อยอยู่”

    คำทำนายของท่านครูบาศรีวิชัย ลือกระฉ่อนกันไปทั่ว ต่างคนต่างอยากจะได้พบเห็น ลือกันไม่นานข่าวก็เงียบ พอตกมาถึงสมัย “หลวงพ่อเกษม เขมโก” ดัง ที่สุสานไตรลักษณ์ ประตูม้า ใคร ๆ ต่างก็มองกันไปที่หลวงพ่อเกษม ว่าเป็น “ตนบุญ” ตามที่ครูบาศรีวิชัยว่า แต่ก็ไม่มีใครถามหลวงพ่อเกษมในเรื่องนี้ แต่ถึงแม้ใครจะไม่ถาม หลวงพ่อก็รู้ข่าวว่า คนลำปางกำลังมองมาที่ท่านว่าเป็น “ตนบุญ” วันหนึ่งในขณะที่ คุณคำมูล เจริญหล้า ศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่เกษม เขมโก ท่านหนึ่งกำลังนั่งใกล้หลวงพ่อ ท่านก็บอกกับคุณคำมูลว่า “เรานี้แหละ คือ ตนบุญ คือ กินข้าวหมดเป็นบุงบุง” ซึ่งคุณคำมูลก็พลอยหัวเราะผสมไปกับหลวงพ่อ ด้วยไม่รู้จะว่าอย่างไร เรื่องนี้คุณคำมูลเล่าไว้ในหนังสืออนุสรณ์ครบรอบ ๘๐ ปี หลวงปู่เกษม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔

    เรื่องเล่าต่อไปนี้ที่จะฟังให้เป็นเรื่องขำขันก็ได้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความพิสดารทางด้านพลังจิตของหลวงพ่อเกษม เขมโก เรื่องหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้เมื่อพิจารณาแล้วก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่มีความแปลกประหลาดอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เรื่องมีอยู่ว่า

    …ครั้งหนึ่ง มีชาวอินเดียไปนมัสการท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ หลวงพ่อให้สัญญาณมือแก่ชาวอินเดีย และพูดออกมาสำเนียงแขกว่า

    “ยาซาลู ยาซาลู ยาซาลู”

    แทนที่ชาวอินเดียคนนั้นจะงง แกกลับหลังหันเดินกลับมุ่งหน้าไปนั่งอยู่ในศาลาที่พัก

    ครั้งนั้นท่านพระครูวีีรสารโกวิิท (โกวิท โกวิทญาโณ ป.ธ.๕) เจ้าอาวาสวัดสุชาดาราม เจ้าคณะอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ได้มีโอกาสมาพบกับเรื่องนี้เข้าพอดี เกิดความสงสัยที่ชาวอินเดียฟังภาษาที่หลวงพ่อพูดสั่งรู้เรื่อง ท่านพระครูวีรสารโกวิท จึงได้เข้าไปนมัสการเรียนถามหลวงพ่อว่า

    “ท่านพระอาจารย์ครับ เมื่อกี้ผมได้ยินท่านพูดภาษาอินเดีย สั่งบอกชาวอินเดียคนนั้นว่า ‘ยาซาลู ยาซาลู ยาซาลู’ ที่พูดนั้นหมายความว่าอย่างไรครับ”

    หลวงพ่อตอบว่า “ยาซาลู ก็แปลว่า ให้ไปอยู่ศาลาโน้น” [ยาซาลู =อยู่ศาลา]

    จากนั้น ท่านพระครูวีรสารโกวิท ก็เดินเข้าไปหาชาวอินเดียคนนั้นแล้วถามว่า

    “นี่นายห้าง หลวงพ่อพูดภาษาอินเดียเมื่อกี้นี้ นายห้างฟังรู้เรื่องไหม”

    เขาตอบว่า “หลวงพ่อเกษม คงมีอำนาจจิต หลวงพ่อบอกผมคล้ายภาษาของผม และผมก็มีความเข้าใจว่า ท่านสั่งให้ผมไปนั่งคอยอยู่ที่ศาลา หลวงพ่อพูดภาษาสำเนียงแขกโดยมิใช่ภาษาแขก ผมฟังก็รู้เรื่องครับท่าน ท่านมีอำนาจจิตแปลกแท้ ๆ”

    เรื่องนี้เล่าไว้ในหนังสือ ตนบุญแห่งนครลำปาง หลวงพ่อเกษม เขมโก โดย ฉัตร เก้าชั้น
    บูชา 200 บาท

    IMG_20181214_215421.jpg IMG_20181214_215410.jpg
     
  11. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่955 พระขุนแผนวังแดงรุ่นแรก หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ ปี 2548 เนื้อดิน
    ***หลวงพ่อเอื้อนวัดวังแดงใต้พระเกจิอาจารย์แห่งลุ่มแม่น้ำป่าสัก
    พระครูอดุลวิริยกิจ หรือหลวงพ่อเอื้อน อัตตมโน วัดวังแดงใต้ ต.วังแดง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งลุ่มแม่น้ำป่าสัก ในงานปลุกเสกพระเครื่อง และวัตถุมงคลที่ตามวัดต่างๆ นิมนต์หลวงพ่อเอื้อนเสมอ ทั้งนี้เพื่อให้บังเกิดความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ เรียกได้ว่างานไหนไม่มีท่านดูเหมือนว่าการปลุกเสกจะไม่สมบูรณ์เอาเลย

    ปัจจุบันชื่อเสียงหลวงพ่อเอื้อนโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ ทั้ง มาเลเซีย สิงคโปร์ เดินทางมากราบท่านถึงวัด ท่านสร้างวัตถุมงคลแต่ละชนิดออกมาน้อย แต่มีประสบการณ์สูง ทั้งด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย จึงเป็นที่ต้องการในหมู่ลูกศิษย์อย่างมาก

    วัตถุมงคลหลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมาก เช่น ได้วิชาตะกรุดหน้าผากเสือ จากหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เกจิอาจารย์ที่เก่งกล้าในอดีตของ จ.สระบุรี ตะกรุดของหลวงพ่อเอื้อน ที่นิยมมากคือ ตะกรุดโสฬสมหามงคลส่วนวิชามีดหมอ ท่านได้จากหลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ

    บูชา 200 บาท
    IMG_20181214_213654.jpg IMG_20181214_213644.jpg
     
  12. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่956 พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ธรรมมุนี สร้างปี2548 สวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐิ์เมธี ต.นาข่า อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม กล่องเดิม
    ท่านบวชเป็นสามเณรขณะอายุได้ 12 ปี ณ พัทธสีมา วัดบูรณะอาณาเขต อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม พระอุปัชฌาย์ คือพระครูปัญญาสารประทิศ ท่านบวชเณรอยู่7ปี แล้วจึงได้ญัตติเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดสว่างศรีรัตนา อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี โดยมี พระครูดอุดมภ์ปัญญากร หรือ หลวงปู่บุญนาค อุตฺตโม วัดภูกระแต จ.อุดรธานี เป็นพระอุปัชฌาย์

    ตั้งแต่วัยเยาว์แล้วที่ตัว หลวงปู่ครูบาธรรมมุนี มีความฝักใฝ่ในธรรม ท่านมักติดตามโยมบิดามารดาไปวัดในวันพระทุกครั้ง คิดตามประสาเด็กตอนนั้นว่าพระสงฆ์องค์เจ้านั้นช่างมีความงดงามเรียบร้อยเสีย เหลือเกิน ทั้งยังเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านได้อย่างน่าทึ่ง ชาวบ้านจึงพากันยำเกรงและพากันเคารพนบไหว้ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา หากเราโตขึ้นจะต้องบวชเป็นพระให้ได้ เมื่อได้บวชเข้ามาในร่มกาสาวพัตรแล้ว ก็เริ่มฝึกปฏิบัติ แต่เราก็ต้องเริ่มที่พื้นฐานเสียก่อนก็คือ ต้องเรียน นักธรรม-ตรี-โท-เอก แล้วก็ศึกษาด้านพุทธมนต์ควบคู่กันไป เพื่อจะได้นำมาสงเคราะห์ญาติโยม เพราะในสมัยนั้น ชาวบ้านที่ถูกผีเข้าสิง หรือ ถูกคุณไสยมนต์ดำต่างๆไม่มีหมอที่เก่งจริงรักษาให้หายได้ ชาวบ้านจึงหันหน้ามาให้พระสงฆ์องค์เจ้าบำบัดให้ แต่ถ้าพระไม่ภูมิรู้เรื่องคาถาอาคมเลยจะไปช่วยเหลือญาติโยมได้อย่างไรเล่า

    ถ้าเรามีพุทธมนต์หรือคาถาอาคมย่อมช่วยชาวบ้านได้ แต่สิ่งเหล่านี้ในพระพุทธศาสนาเขาไม่เรียกว่าวิชา วิชาในพุทธศาสนาจริงๆคือการเรียนเรื่องสภาวธรรมให้แจ้ง คือ การรู้แจ้งในมรรคผล นิพพาน แต่ศาสตร์พวกนี้เรียกว่าวิชาไม่ได้ ที่ถูกต้องเรียกว่าคาถาอาคมอยู่นอกศาสนา แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้าม พระพุทธเจ้าไม่ได้อนุญาต องค์พระบรมศาสดาชี้ทางว่า ให้ใช้ปัญญา ถ้าหยิบเอาตัวปัญญาในพระคัมภีร์มาใช้แล้วเกิดประโยชน์ต่อหมู่สรรพสัตว์ก็ไม่ ผิด เพราะสงเคราะห์บำบัดแล้วทำให้ญาติสบายใจ ช่วยปลดเปลื้องทุกข์ให้แก่เขาทำให้มีกำลังใจต่อการดำเนินชีวิตต่อไป เพียงไม่ขัดพระธรรมวินัย ไม่ขัดต่อจารีตประเพณี ไม่ผิดกฎหมายมันก็ดีคือความดีในพระพุทธศาสนาเช่นกัน

    บูชา 200 บาท
    IMG_20181214_213721.jpg IMG_20181214_213710.jpg IMG_20181214_213734.jpg
     
  13. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่957 พระผงว่านมงคลผสมผงเหล็กไหล พิมพ์พระรอด หลวงพ่อทวด วัดห้วยมงคล ประจวบคีรีขันธ์ สร้าง ปี 2537
    เหล็กไหลวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์

    "พระฤาษีปลัยโกฎ ได้พรรณนาไว้ในพระคัมภีร์โบราณว่า หากผู้ใดพบเหล็กไหลแม้แต่เท่าเมล็ดข้าวโพด หรือเท่าเมล็ดพริกไทย ก็นับได้ว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นผู้มีบุญญาอภินิหาร เพราะเป็นธาตุนิพพพานของธาตุทั้งหลาย ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตน และเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง

    ดังนั้นคุณค่าอันนับเป็นเอนกประการของเหล็กไหลนั้น จึงทำให้มนุษย์เรารู้สืบทอดติดต่อกันมาแต่ครั้งบรรพกาลแล้ว ต่างก็ได้พยายามสืบเสาะหามาไว้เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว

    ด้วยเหตุที่เป็นธาตุสูงสุดของธาตุทั้งปวง เหล็กไหลจึงมักจะซ่อนหลบเร้นตนเองไม่ให้มนุษย์ได้เจอะเจอง่ายๆนัก เว้นแต่จะเป็นผู้มีบุญญาอภินิหารได้เจอะเจอโดยบังเอิญ หรือเป็นผู้ที่ทรงวิทยาคมแรงกล้าเท่านั้นจึงจะนำเหล็กไหลมาไว้บูชาแก่ตนเองได้

    บุราณจารย์แต่ครั้งก่อนท่านกล่าวไว้หากจะให้เกิดประโยชน์แก่ตนไซร้ ท่านให้เอาเหล็กไหลเท่าเมล็ดข้าวโพด หรือ เท่าเมล็ดพริกไทย อมไว้ในปากแล้วกลืนน้ำลายตนเองเป็นประจำทุกวัน ทำพิธีใช้อาคมเรียกเข้าไว้ในตัว ร่างกายจะคงทนแก่ปืนผาหน้าไม้ กฤช หอกทองแดง ขวากหนาม สัตว์ร้ายที่มีเขี้ยวงาและมีแรงฟัดขยี้ อาจต่อสู้กับคนหมู่มากและมีแรงมาก แม้จับตัวเราก็ไม่ติด แหวกวงล้อมและกรงขังขื่อคาไปได้ ทั้งเป็นยาอายุวัฒนะทำให้อายุยืน

    อนึ่ง ท่านให้เอาเหล็กไหลเท่าเมล็ดข้าวโพด แช่น้ำผึ้งรวงกินเป็นประจำทุกเช้าเย็นจนครบ 7 วัน คงเนื้อคงหนัง 3 เดือนคงกระดูก คงถึงลูกที่เกิดมา 1 ปี หมดโรคภัยนานา 3 ปี เกิดปัญญาเรียนรู้ธรรมจบพระไตรปิฎก 7 ปี กายเบาดังสำลี หมดกิเลส (คัดจากสมุดข่อย 1,000 กว่าปี)

    พระผงว่านมงคลผสมผงเหล็กไหล พิมพ์พระรอด หลวงพ่อทวด วัดห้วยมงคล ประจวบคีรีขันธ์ สร้างปี 2537 บรรจุกล่องปี 2553

    พระผงหลวงพ่อทวดใช้มวลสารเนื้อว่านผสมผงเหล็กไหล สร้างจำนวน 300,000 องค์ จากนั้นทางวัดได้เก็บรักษาไว้ และทุกครั้งที่วัดจัดสร้างวัตถุมงคล จะนำเข้าร่วมพิธีปลุกเสกด้วยทุกครั้งร่วม 20 พิธีและเมื่อทางวัดสร้างพระหลวงพ่อทวด สก. องค์ใหญ่ เสร็จ จึงได้นำเก็บรักษาไว้ใต้ฐานหลวงพ่อทวด สก.ตลอดมา

    จนมาในวันปีใหม่พ.ศ.2553 เห็นว่าเป็นเวลาที่สมควรจึงเปิดกรุใต้ฐานหลวงพ่อทวด สก. องค์ใหญ่ จึงนำออกมาให้พุทธสนิกชนที่มีจิตศรัทธาได้บูชากัน โดยบรรจุพระในกล่องกำมะหยี่อย่างดี พระของขวัญปี 2553 พระหลวงพ่อทวดเนื้อว่านผสมผงเหล็กไหล วัดห้วยมงคล พิมพ์พระรอด วัดห้วยมงคล

    นอกจากเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมแล้วยังได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพุทธศาสนา ที่ปัจจุบันมีคนรู้จักไปทั่วประเทศนอกจากหลวงปู่ทวดแล้วยังมีทุ่งทานตะวันขนาด 50 ไร่ และล่าสุดทางวัดกำลังร่วมกับคนหัวหินและคนประจวบคีรีขันธ์ทั้งจังหวัด จัดสร้างพระพุทธโสธร หัวหิน องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความสูงจากฐานถึงพระเกศประมาณ 25 เมตร (เท่าตึก 8 ชั้น) ซึ่งจะสูงกว่าหลวงพ่อทวด สก.ที่สูง 17 เมตร โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบหรือ 84 ปี ในปี 2554 หมายเหตุ : จาการสัมภาษณ์พระครูปภัสสรวรพินิจ เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล ขอบคุณข้อมุลจากเว็บไชค์

    "พุทธคุณครอบด้าน แคล้วคลาดเมตตามหานิยมเป็นที่ 1"

    หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นพระโพธิสัตว์
    ช่วยคุ้มครอง ปัดเป่าสิ่งไม่ดี ส่งเสริมให้ผู้ศรัทธามีขีวิตที่ดีเจริญก้าวหน้าขึ้น

    มวลสาร พระผงหลวงปู่ทวดยุคเก่า พระผงพุทธคุณจากวัดต่างๆ ในภาคใต้
    ผงพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม ดินกากยายักษ์ และว่านมงคลอีกมากมาย

    คาถาบูชา หลวงปู่ทวด วัดช้างให้
    "นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา"

    ขออาราธนา บารมีแห่งองค์พระโพธิสัตว์หลวงปู่ทวด โปรดอภิบาล รักษา คุ้มครอง
    ช่วยเหลือ ดลใจให้ทุกท่านที่ประพฤติอยู่ในศีลธรรม มีความเคารพในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    จงมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ตลอดกาลนานเทอญ.....

    การขอบารมีอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด
    ด้วยการจุดธูป 16 ดอกบูชาวัตถุมงคลของท่าน
    หรือ ระลึกถึงท่าน ตั้งจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่และศรัทธา
    ท่อง " นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา " 16 จบ

    บูชา 200 บาท
    IMG_20181214_215446.jpg IMG_20181214_215435.jpg
     
  14. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่958 พระผงผสมว่านกาหลั่ยธาตุกายสิทธิ์ หลวงพ่อทวด-สมเด็จโต(วัตถุมงคลแห่งปีบารมี) พระอาจารย์ประสูติ ปิยธมโม วัดในเตา ห้วยยอด ตรัง (ซองเดิมพร้อมรูป) ขนาด 5 ซม.
    ช่วงรอยต่อพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และ อ.ป่าพยอม จ.พัทลุง บนแนวเขตเทือกเขาบรรทัด ปรากฏนามพระเกจิอาจารย์ผู้เป็นเจ้าพิธี ในการจัดสร้างวัตถุมงคลจตุคามรามเทพอีกรูปหนึ่งที่รู้จักกันเป็นอย่างดี คือ พระอาจารย์ประสูติ ปิยธัมโม เจ้าอาวาสวัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ หรือวัดในเตา หมู่ที่ 1 ต.ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง

    ท่านเป็นพระนักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ขณะเดียวกันก็ยังเป็นพระนักพัฒนา ทำให้เป็นที่นับถือศรัทธาจากชาวบ้านโดยทั่วไป ทั้งใน จ.ตรัง จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง และใกล้เคียง

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า สูตร คงฤทธิ์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม 2508 ณ หมู่ที่ 2 บ้านห้วยหลุด ต.ห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายประดิษฐ์ และนางสนิท คงฤทธิ์ ครอบครัวประกอบอาชีพทำสวนยางพารา หาเงินส่งเสียให้ลูกๆ ได้เล่าเรียนหนังสือ

    ในวัยเยาว์ เรียนหนังสือระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนบ้านทุ่งต่อ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ได้ไปพักอยู่ประจำที่วัดในเตา กับ หลวงปู่แสง ธมฺมสโร เจ้าอาวาสวัดในเตา ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองตรัง สายสำนักเขาอ้อ จ.พัทลุง

    ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาจากหลวงปู่แสง จนกระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนห้วยยอด จ.ตรัง ได้ผันตัวเองเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ บรรพชา ณ วัดห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง

    ครั้นเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ใน พ.ศ.2529 ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดห้วยยอด โดยมีพระครูนิมิตสังฆคุณ เจ้าคณะอำเภอห้วยยอด เป็นพระอุปัชฌาย์ ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยและพระปริยัติธรรม สามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก ก่อนกราบลาพระอุปัชฌาย์ เพื่อออกธุดงควัตร เสาะแสวงหาพระเกจิอาจารย์ชื่อดังตามภาคต่างๆ เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิชาความรู้

    เริ่มต้นเรียนจากหลวงปู่แสง เจ้าอาวาสวัดในเตา ซึ่งขณะนั้นในบริเวณรอบวัด ถือเป็นพื้นที่สีแดง แต่หลวงปู่แสงและพระอาจารย์ประสูติ สามารถอยู่จำพรรษาได้อย่างปกติสุข เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน

    หลังจากร่ำเรียนวิชาจากหลวงปู่แสงแล้ว ท่านได้กราบลา เพื่อเดินทางไปศึกษาวิชากับพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วทุกภาคของประเทศไทย เช่น เดินทางไปภาคเหนือ เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ "ครูบาเหมย" วัดศรีดงเย็น จ.เชียงใหม่ เดินทางลงมายังภาคกลาง เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ "หลวงพ่อสัมฤทธิ์" วัดถ้ำแผด จ.กาญจนบุรี ส่วนภาคใต้ ท่านเดินทางไปยังหลายวัด เพื่อขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ อาทิ หลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร, พระครูบุญญาภินันท์ หรือพระอาจารย์หรีด วัดป่าโมกข์ จ.พังงา, หลวงปู่ชื่น วัดทุ่งชน จ.ตรัง เป็นต้น

    การออกธุดงค์เสาะแสวงหาพระอาจารย์ เพื่อศึกษาวิชาความรู้ด้านพระพุทธศาสนา ทำให้เป็นพระนักปฏิบัติดี ปฏิบัติมั่นในพระธรรมวินัย ศีลาจารวัตรงดงาม แข็งแกร่งในวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีสมาธิแก่กล้า จนเป็นที่เลื่องลือในด้านการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง เด่นในพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม

    กระทั่ง พ.ศ.2540 ท่านจึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง อีกครั้ง

    ครั้นต่อมา พ.ศ.2535 หลวงปู่แสง เจ้าอาวาสวัดในเตา มรณภาพลง ทำให้วัดแห่งนี้แทบจะกลายเป็นวัดร้างไป เนื่องจากไม่มีเจ้าอาวาสและพระลูกวัดอาศัยอยู่อย่างถาวร

    แม้จะมีพระสงฆ์หลายรูปหมุนเวียนกันมาเพื่ออยู่จำพรรษาที่วัดในเตา แต่ท้ายสุดไม่สามารถอยู่ได้และต้องย้ายออกไป

    อย่างไรก็ตาม เมื่อชาวบ้านรับทราบว่า พระอาจารย์ประสูติ เดินทางกลับมาจำวัดอยู่ที่วัดห้วยยอด ในฐานะที่เป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่แสง มากที่สุด และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาเช่นเดียวกับหลวงปู่แสง

    บรรดาชาวบ้านจึงได้ไปกราบนิมนต์ขอให้เป็นเจ้าอาวาสวัดในเตา นับตั้งแต่ พ.ศ.2544 จนถึงปัจจุบัน

    แม้ชื่อจริงของท่านคือ "สูติ" แต่ลูกศิษย์ลูกหาตลอดจนผู้ที่เคารพนับถือ ถนัดที่จะเรียกท่านว่า "พระอาจารย์ประสูติ" จนติดปาก

    ทั้งนี้ พระอาจารย์ประสูติ มีวิชาความรู้เกี่ยวกับพิธีการปลุกเสกจตุคามรามเทพ มาแต่สมัยยังเป็นสามเณร ที่วัดห้วยยอด ด้วยเคยติดตามหลวงปู่แสง ไปร่วมพิธีปลุกเสก ณ วิหารหลวง จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่ปี พ.ศ.2530

    เมื่อท่านได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดในเตา ได้รับการนิมนต์ให้ไปร่วมในพิธีการปลุกเสกจตุคามรามเทพอยู่บ่อยครั้ง เริ่มจากในพื้นที่ภาคใต้ ค่อยขยายไปทั่วประเทศ ถึงปัจจุบันนับจำนวนได้มากกว่า 100 รุ่น

    ด้วยชื่อเสียงของท่านที่ขจรขยายไปทั่ว ทำให้วัดในเตา เป็นสถานที่หนึ่ง ในพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพไปโดยปริยาย ดังนั้น หากในประเทศไทยหรือในภาคใต้ มีวัดแห่งใดประสงค์ที่จัดสร้างจตุคามรามเทพ นอกเหนือไปจากวิหารหลวง จ.นครศรีธรรมราช และวัดเขาอ้อ จ.พัทลุง เพื่อประกอบพิธีแล้ว วัดในเตา จ.ตรัง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่นิยมใช้ในการทำพิธีปลุกเสกพระเครื่องรุ่นต่างๆ

    สำหรับวัดในเตา ได้ก่อสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.2203 มีพระพุทธรูปที่สวยงามและศักดิ์สิทธิ์ ในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย ประดิษฐานอยู่คู่กับวัด 3 องค์ คือ พระพุทธโกษีย์ พระธรรมรูจี และพระศรีไกรสร โดยได้นำเอาชื่อของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ที่ประดิษฐานอยู่ในถ้ำ มาตั้งเป็นชื่อวัด และภายในถ้ำแห่งนี้ เป็นที่ร่ำลือกันว่า มีเหล็กไหล ฝังอยู่มานานหลายร้อยปีแล้ว เป็นผลทำให้มีชาวบ้านจำนวนมาก แอบลักลอบเข้าไปขุดเหล็กไหล สร้างความเสียหายอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ พระอาจารย์ประสูติ จึงได้นำเหล็กไหล ที่ได้กระทำพิธีขอพลีขึ้นมาจากใต้ถ้ำ รวมน้ำหนักประมาณ 400 กิโลกรัม ไปฝังเอาไว้ใต้พระประธานภายในอุโบสถวัด เพื่อต้องการแก้ปัญหาการทุบทำลายถ้ำ ขโมยเหล็กไหล อย่างไรก็ตาม ท่านได้พยายามสั่งสอน เรื่องการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาให้กับชาวบ้าน ทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน

    คุณJS1213 ปิดครับ
    IMG_20181214_213934.jpg IMG_20181214_213950.jpg IMG_20181214_214049.jpg IMG_20181214_213627.jpg IMG_20181214_213921.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กันยายน 2019
  15. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่959 พระพิมพ์นาคปรก เนื้อผงน้ำมัน หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ปลุกเสกเดี่ยว ออกให้ วัดเพลงวิปัสสนา
    บูชา 200 บาท

    downloadfile.jpeg downloadfile-1.jpeg
     
  16. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่960 พระเนื้อดินผสมแร่พิมพ์สมเด็จพระพุทธโคดม หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว(วัดโพธาราม) จ.สุพรรณบุรี พุทธคุณเมตตามหานิยมมหาโชคลาภ คงกระพัน ป้องกันผีคุณไสยมนต์ดำทั้งปวง
    บูชา 200 บาท

    downloadfile-2.jpeg downloadfile-3.jpeg

     
  17. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่961 พระพุทธโคดม หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จังหวัดสุพรรณบุรี ปี 2497
    พระพิมพ์รูปเหมือนองค์พระประธานปางมารวิชัยสมเด็จพระพุทธโคดม ทรงสามเหลี่ยมเนื้อดินเผา สร้างและปลุกเสก โดยหลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว (วัดโพธาราม) อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นพระเนื้อดินเป็นหลัก แต่ก็ผสมด้วยผงว่านเกสรดอกไม้ ผงไม้มงคล ผงธาตุศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และผงที่หลวงพ่อขอมท่านเขียนและลบเองกับมือ พระเนื้อดินพิมพ์นี้ สร้างราวปี พ.ศ. 2497 ถือได้ว่าเป็นพระเนื้อดินรุ่นแรก ของหลวงพ่อขอม การสร้างพระเนื้อดินรุ่นแรกของหลวงพ่อขอมนั้น ท่านจะโขรกผสมดินและนวดดิน ด้วยตัวของท่านเอง พร้อมทั้งกดพิมพ์พระเอง เวลาที่ท่านเผาพระ ท่านก็จะ เดินจงกรมอธิฐานจิตบริกรรมไปด้วยตลอดเวลา จนกว่าพระจะเผาเสร็จ เวลาใครมาทำบุญที่วัดหรือมาช่วยงานของวัด หลวงพ่อขอมท่านก็จะแจกพระ ที่ท่านทำเองกับมือให้อยู่บ่อยๆ พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันและมหาอุด
    บูชา 200 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2018
  18. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่962 สมเด็จ 7 ชั้น หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว เนื้อดิน หลังใบโพธิ์ ยุคต้น สูง 3.5 ซ.ม
    บูชา 200 บาท

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่963 พระพิมพ์หลวงพ่อปานขี่ไก่ เนื้อผงพุทธคุณ พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ปลุกเสก
    คุณph240 ปิดครับ
    IMG_20180503_204957.jpg IMG_20180503_204947.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2019
  20. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่964 เหรียญเนื้อทองแดง หลวงพ่อผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขตต์ ออกวัดสระทอง ปี 24 (ทันหลวงพ่อ)
    IMG_20180509_220802.jpg IMG_20180509_220751.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...