ฝึก กรรม-ฐาน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 ตุลาคม 2013.

  1. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ตอนแรกผมก็ว่าทำไมมันหมุนๆ ฟะ ทำไมผีต้องยืนตรง พอมาเล่าให้คุณธรรมชาติฟัง อ้าวทำไมเขารู้ งงเลย มันก็แปลกเหมือนกันที่ไปเจออะไรมาแล้วคนอื่นก็เจอเหมือนกัน แล้วนี่มาอ่านมีคนเจออีกละ
     
  2. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    พวกใช้หลุมดำนี่ต้องระวังคำพูดมากพูดอย่างไหนเป็นอย่างนั้นเลย เช่น ถ้าไปทักใครว่าบาปมากทรณีสูบทันที
     
  3. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ต่อให้ไม่พูดก็ต้องระวังเจตนาด้วยครับ
    ถ้าจิตมีกำลังมากแล้ว
    แค่คิดก็อันตรายมากแล้วครับ
     
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ส่วนใหญ่ผู้ที่รู้จัก "หลุมดำ" แล้ว ก็มักจะ "เข้าไปข้างใน" เพื่อทำการศึกษา "ปรากฏการณ์ที่มีอยู่จริง (สัจจธรรม) ตามธรรมชาติ" ตรงนี้

    +++ นักศึกษาในกระทู้นี้ เมื่อฝึกจนถึง "ระดับที่สมควรแล้ว" ผมจะให้ฝึก "ค้นคว้า" ลงไปข้างในหลุมดำนี้

    +++ ตรงนี้เป็น "ภาคการศึกษาบังคับ" สำหรับทุกคนที่สามารถทำ "สติบริสุทธิ์" ได้แล้ว

    +++ จนกว่าจะ "ชัดเจน" ถึงวิธีการ "สร้าง-หยุด-ทำลาย" รวมทั้ง "กำเนิดหลุมดำ" ว่ามีความเป็นมาอย่างไร (เหตุที่ออกจากนิโรธสมาบัติ)

    +++ รวมถึงการเข้าไป "นั่งตรงจุดภาคตัด X ที่เป็นใจกลางหลุมดำ ที่มีสนามพลังแห่งแรงบีบอัดสูงสุด โดยไม่มีทุกข์เจือปน" ต่าง ๆ

    +++ จากนั้นจึงฝึก "ไหลตามกระแส จนผ่านภาคตัด X" แล้วเข้าสู่ "อสัญญีสัตตาภูมิ (พรหมลูกฟัก)" ว่าทำไมจึงถูกเรียกว่า "โลกียะนิพพาน" (พวกเราเรียกมันว่า "หลุมขี้เกียจ" เพราะแม้แต่คิด มันยังขี้เกียจคิด ขี้เกียจรู้ เป็นสุดยอดแห่งความขี้เกียจตัวจริง ละวางปล่อยวางความรับผิดชอบทั้งมวล "อย่างไร้สติสัมปชัญญะ" เต็มตัวจริง ๆ)

    +++ เมื่อรู้แล้วเข้าใจแล้ว จึงให้ผ่านไป "หล่มแห่งอสัญญีนี้ ห้ามอยู่นาน เพราะมันจะติดนิสัยได้ง่ายที่สุด" (และสายพระป่าหลวงปู่มั่น มักจะเรียกตรงนี้ว่า "สมาธิหัวตอ" นั่นแหละ)

    +++ จากนั้นจึงเริ่มเข้าสู่ "บริเวณที่ รังสีต่าง ๆ เริ่มกระจายตัวเป็น ละอองเรืองแสง" และตรงนี้นี่เอง คือ "แสงสว่างถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร (กำเนิด อาโลก(ะ))"

    +++ จากนั้นจึง เรียนรู้ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เรียกว่า "ภพ-ภูมิ รูป-อรูป" ต่าง ๆ รวมทั้งการใช้ "ตรึง-แช่-อยู่" จากเบื้องต้นของการฝึก "กายเวทนา" เพื่อศึกษาถึง "ความสัมพันธ์ของกายต่าง ๆ กับ ภพภูมิต่าง ๆ"

    +++ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถสรุปอย่างสั้น ๆ ได้เพียงประการเดียวว่า "ภพภูมิทั้งหมด ล้วน อยู่ข้างในหลุมดำทั้งสิ้น" ยังไม่เจอข้อยกเว้นแต่อย่างใดเลย

    +++ เมื่อนักศึกษามีความ "ชัดเจน" ภายในหลุมดำรวมทั้งปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "นิมิต/อนิมิต/ญาณทัศนะ" ต่าง ๆ แล้ว

    +++ จึงฝึก "แยกออกจากหลุมดำ" (วิมุติญาณทัศนะ) จากนั้นจึงฝึกทดสอบ การวัดการ "เข้าใกล้/ถอยห่าง" จากหลุมดำและ ปฏิภาคสัมพันธ์กับ "อัตตา" ความเป็นตน ต่าง ๆ

    +++ จนชัดเจนได้ว่า "ตัวดู หลุมดำ อัตตาจิต" ทั้งหมดเป็น "ตัวเดียวกัน" จากนั้นจึง ออกท่องเที่ยวโดยการ "ทิ้งอัตตาไว้เบื้องหลัง"

    +++ จากตรงนี้ นักศึกษาในกระทู้นี้ จึงรู้ได้ว่าการ รู้-เห็น ที่เรียกว่า อนิมิต/ญาณทัศนะ ที่ไร้อัตตา ไร้การปรุงแต่ง เป็นอย่างไร และ "เรื่องราวในพระสูตรต่าง ๆ ในพระไตรปิฏก เป็นจริงขนาดไหน"

    +++ และนักศึกษาในกระทู้นี้จะสามารถรู้ได้ว่า สรรพสัตว์ที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมินั้น เปรียบได้เพียงแค่ สรรพสัตว์ที่เวียนว่ายตายเกิดในระดับ "หนองน้ำลำคลอง" เท่านั้น ยังไม่สามารถเทียบได้กับ เหล่าสรรพสัตว์ที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน "ท่ามกลางทะเลใหญ่" แห่งห้วงเนื้ออวกาศเลย

    +++ วิถีทางออกจากการ เวียนว่ายตายเกิด รวมทั้งทุกข์ทั้งหมด มีได้แค่ทางเดียวเท่านั้น คือ "ระเบิดตัวดู" ทิ้งไป ตรงนี้มีอยู่ในเรื่อง "รู้แจ้งจ้า" ที่ผมกล่าวไว้แล้วเท่านั้น นะครับ
     
  5. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตัวหลุมดำนั้น เป็นตัว "ฌาน" ทั้งหมดที่หล่อหลอมรวมตัวกันเป็น "ปรากฏการณ์เดียว" มันเป็น "แหล่ง ศูนย์รวมและรวมศูนย์ ของฌานทั้งหมด" ดังนั้น อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น

    +++ สำหรับนักศึกษาในกระทู้นี้ ผมสอนให้ "แยกออกจาก ฌานรวมศูนย์" ตรงนี้ แล้วเข้าสู่สภาวะของ "ญาณทัศนะวิสุทธิ์" แล้วออก "ทัศนะศึกษาแบบนิรทุกข์" เพื่อความรู้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    +++ หากจะใช้ "ฌานรวมศูนย์" ตรงนี้เมื่อไร ก็แค่ "ยิงตัวดูออกไป แล้วใช้มัน" เท่านั้นเอง อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ ก็จะเป็นมาเอง ตามธรรมชาติของมันนั่นเอง นะครับ
     
  6. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องคิดหรอกครับ เพราะมักจะรู้บั้นปลายการลงท้ายอยู่แล้ว และ สรุปลงตัวได้อย่างเดียวว่า มันเป็น "กรรมติดจรวด" นั่นเอง นะครับ
     
  7. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    รับทราบครับ
    ติดตามท่านธรรม-ชาติมาพอสมควร
    ได้สนทนาด้วยรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง
    ขอบคุณครับ
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    yimmyimmyimm
     
  9. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
  10. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,023
    :cool: กราบสวัสดีค่ะ อาจารย์
     
  11. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    สวัสดี ฤดูหนาวแล้ว ระวังหวัดกันไว้บ้างนะ
     
  12. Amysassygirl

    Amysassygirl สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2016
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +8
    รับทราบค่ะ อจ ^^
     
  13. หัวอ่อน

    หัวอ่อน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2016
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +4
    เห็นกระทู้นานแล้ว แต่เพิ่งมีเวลาเริ่มฝึกจริงจังครับ ผมนั่งหลับตาเพ่งหายใจเร่งความรู้สึกทั้งตัวไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้เร่งหัวเพราะมันชอบหมุน
    ทำไปสักพักส่วนร่างกายที่จับความรู้สึกมัน อื้อๆ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นตัว อะไรท่อนแขนขา พยายามเพ่งจับความรู้สึกไปอีกก็ไม่ได้แล้ว
    ต้องลืมตาคลายออกมาถึงจะรู้สึกเหมือนเดิม ผมควรปล่อยให้มันหายไป หรือพยายามรักษาความรู้สึกไว้ครับ
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ยังอยู่ในช่วง "ใช้ลมหายใจ เพื่อสร้างความรู้สึก" จริง ๆ แล้วตรงนี้ จะไม่มีอาการ "เพ่ง" แต่อย่างใดทั้งสิ้น เพียงแต่ "จับสังเกตุความรู้สึกทั้งตัว" ในขณะที่หายใจ เข้า-ออก ก็จะทราบได้ง่าย ๆ

    +++ นั่นเป็อาการที่ "ความรู้สึกตัว ไม่ ทั่วถึง" หากได้ ความรู้สึกตัวทั่วถึงจริง ๆ อาการต่าง ๆ จะเป็นแบบ "เนื้อเดียวกัน มีเสถียรภาพสูง มีความมั่นคงเต็มที่ และ สติสัมปชัญญะเต็มบริบูรณ์เปี่ยมล้น"

    +++ ตรงนี้เป็นช่วงที่ "กายเวทนา" ปรากฏตัวแล้ว "แต่" ผู้ที่ฝึกไม่ได้ "รู้สึกตัวทั่วถึง" จิตจึงมีอาการ "สับสน และ ไม่สามารถ map กับความทรงจำได้ว่า อะไรคือ กาย ท่อนแขน-ขา"

    +++ ตรงนี้เป็น "ปรากฏการณ์ที่ จิต ไม่เคยเจอมาก่อน จึง ไร้สัญญาขันธ์" อาการที่ปรากฏเป็นอาการที่เรียกว่า "รู้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ ไม่รู้เรื่อง" นั่นเอง

    +++ หากมีคำว่า "เพ่ง" ปรากฏอยู่ด้วย ย่อมเป็นการฝึก "ผิดทาง" สำหรับ "ความรู้สึกตัวทั่วถึง หรือ กายเวทนา" ในกระทู้นี้

    +++ การ "เดินจิต" เพื่อการเข้าถึง "ความรู้สึกตัวทั่วถึง" มีดังนี้

    +++ 1. ปล่อยวาง โลกและภาระกิจทางโลกทิ้งให้หมด แล้ว "รู้สึกทั้งตัว อยู่เฉย ๆ"

    +++ 2. หากความรู้สึกปรากฏแค่ "เป็นส่วน ๆ ไม่ทั้งตัว (มี เพ่ง เข้ามาแทรกแซง)" ก็ให้ "ขยายความรู้สึกที่เป็นส่วน ๆ นั้น เข้าหากัน จนเต็มทั้งร่าง"

    +++ 3. เมื่อได้ความรู้สึก "เต็มร่าง" แล้ว ก็ จะเป็นอาการแบบ "มีองคาพยพที่สมบูรณ์" มี หัว ตัว แขน ขา ครบทุกส่วน "ไม่มีส่วนใดพิการ ขาดหายไป"

    +++ 4. หากทำได้แล้ว และ ดำรงค์อยู่อย่างนั้นสักครู่หนึ่ง อาการ "ขนลุกแผ่ซาบซ่านทั้งตัว" ก็จะบังเกิดขึ้นได้

    +++ เปรียบเทียบ "คำศัพท์ต่างหมวด ระหว่าง มหาสติปัฏฐาน 4 กับ สมถะฌานสมาบัติ" ได้ดังนี้

    +++ 1. ในขณะที่ ดำรงค์ "ความรู้สึกตัวทั่วถึง" ได้ ตรงนี้ คือ "อัปปนาสมาธิ ของมหาสติปัฏฐาน 4 หรือ เป็น ฌานสมาบัติ ในหมวด สมถะ"

    +++ 2. ในขณะที่ "ความรู้สึกตัวทั่วถึง" เปลี่ยนเป็น "ความอิ่มเอิบซาบซ่าน (ขนลุก + ต่าง ๆ)" ตรงนี้ คือ "สัมปชัญญะ ของมหาสติปัฏฐาน 4 หรือ เป็น ฌาน 2 ปิติ ในหมวด สมถะ"

    +++ 3. ในขณะที่ "ความอิ่มเอิบซาบซ่าน" เปลี่ยนเป็น "เบาสบายใสเป็นแก้ว หน้ายิ้มเองประดุจพระพุทธรูป" ตรงนี้ คือ "หสิตุปบาท ในมหาสติปัฏฐาน 4 หรือ เป็น ฌาน 3 สุข ในหมวด สมถะ"

    *** หมายเหตุ ในขณะที่เกิด "หสิตุปบาท" (มีเฉพาะใน มหาสติปัฏฐาน เท่านั้น) ใบหน้า "ยิ้มแย้มประดุจพระพุทธรูป" นั้น ตัวจิตเองกลับอยู่ใน "อุเบกขา วิหารธรรม" ไม่ได้อยู่ใน "สุข" ของ ฌาน 3

    +++ 4. ในขณะที่ "หสิตุปบาท" เปลี่ยนไปเป็น "อุเบกขาธรรม" ในมหาสติปัฏฐาน 4 ตรงนี้ เป็น ฌาน 4 เฉย ๆ ในหมวด สมถะ

    *** หมายเหตุ ในขั้นตอนนี้เมื่อ "ทำความรู้สึกตัวทั่วถึง" แล้ว ดำรงค์อยู่อย่างนั้น เป็นอาการของ "ดำรงค์สติมั่น รู้ธรรม เฉพาะหน้า" (เป็นคำพูดของ พระพุทธเจ้า ส่วนจะทำตามได้หรือไม่ ขึ้นกับความเพียรของเราเอง)

    *** หมายเหตุ ในยามที่ "มหาสติปัฏฐาน โคจรเดินทางผ่าน สมถะฌานสมาบัติ้" ในรูปการณ์ของ "รูป+อรูป ฌาน" ทั้งหมด บางครั้งผมจะใช้ คำศัพท์ว่า "สติครองฌาน" ในกระทู้นี้

    *** หมายเหตุ ส่วนในสภาวะที่ "มหาสติ" เดินทาง "ผ่านพ้น" สิ่งที่เรียกกันว่า ฌานสมาบัติต่าง ๆ มาแล้ว รวมทั้ง หมดสิ้น "มลภาวะของฌานสมาบัติ (ธรรมารมณ์ - ธรรมานุปัสสนามหาสติปํฏฐาน)" จนหมดจดโดยสิ้นเชิง แล้ว ในกระทู้นี้จึงจะใช้คำว่า "วิปัสสนาญาณทัศนะ" หรือบางครั้งก็จะใช้คำว่า "ญาณทัศนะวิสุทธิ์ หรือ สติบริสุทธิ์" แล้วแต่กรณีไป นะครับ

    +++ หากสามารถ "ทำ" ความรู้สึกตัวทั่วถึง (เต็มร่าง) ได้แล้ว ก็ให้ "ดำรงค์อยู่เช่นนั้น ในทุกอิริยาบท ลืมตา-หลับตา ไม่ต่างกันมาก"

    +++ ในเบื้องต้น ก็จะทราบได้เองถึง "สติครองฌาน ในสภาวะของ รูปฌาน กับ โลกตามความเป็นจริง"

    +++ ในเบื้องกลางก็จะทราบได้เองถึง "สติครองฌาน ในสภาวะของ อรูปฌาน กับ โลกตามความเป็นจริง"

    +++ ในเบื้องปลายก็จะทราบได้เองถึง "ญาณทัศนะวิสุทธิ ในสภาวะของ การอยู่กับโลก ตามความเป็นจริง"

    *** หมายเหตุ ยังมีขั้นตอนที่เป็น "รายละเอียดอีกมาก ในกระบวนการของ การฝึกนี้" แต่ผมจำเป็นที่จะต้อง "เขียนเผื่อไว้คร่าว ๆ" เพราะผมอาจมีธุระที่ต้อง ทิ้งช่วงไม่ได้เข้ามาชั่วคราว หลังปีใหม่นี้ และหากคุณ ยังไม่นอน ฉวยโอกาส วันหยุดยาวช่วงเปลี่ยนปี เร่งความเพียรตลอดต่อเนื่องจน "ได้นิสัยในมหาสติปัฏฐาน" แล้ว การ "ระบุ" อาการต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าของคุณ ยังไม่นอน ก็อาจจะยัง "ไม่พอเพียง" ต่อเหตุการณ์ของ สภาวะธรรม ที่จะเกิดขึ้นมากับคุณก็ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ให้ "อ่านเรื่องราวการฝึก ของบุคคลต่าง ๆ ในกระทู้นี้ เปรียบเทียบไปด้วย" นะครับ
     
  15. หัวอ่อน

    หัวอ่อน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2016
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +4
    ไปลองฝึกใหม่ตอนนี้รู้สึกได้ทั่วทั้งตัวละครับ โลกไม่หมุนแล้ว หายใจเร่งให้ความรู้สึกแน่นขึ้นจนมีอาการซาบซ่าน ขนลุกเบาๆครับ:eek:
    ไม่แน่ใจว่าแน่นสุดได้แค่ไหน แต่ตอนนั้นเร่งอีกไม่ขึ้น เลยลองเปลี่ยนอิริยาบถ พอเคลื่อนไหวเท่านั้นแหละครับ ความรู้สึกมันดรอปลงไปเยอะเลย:'(
    จากแน่นพอสมควรกลายเป็นโหลงเหลง แต่ยังทั่วทั้งตัวอยู่ครับ
    หลังปีใหม่ผมเปิดเทอมพอดี ไม่ค่อยมีเวลาเหมือนกันครับ คงมีสติกับการฝึกน้อย แต่จะพยายามทำความรู้สึกให้นานที่สุดครับ
    พอเหนื่อยเดี๊ยวจะลองไล่อ่านกระทู้ดูนะครับ :cool:
     
  16. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้ "ถูกต้อง"

    +++ เมื่อ "ไม่สามารถที่จะ เร่ง ได้มากกว่านั้น" ณ ตรงนั้นให้ถือว่าเป็น 100 %

    +++ ให้ฝึก "เข้า-ออก" "เพิ่ม-ลด" "ตรึง-แช่-อยู่" ให้ได้นิสัย จนสามารถ "ทำทุกอย่างได้ ดั่งใจปรารถนา"

    +++ ตรงนี้ "สำคัญมาก" ก่อนที่จะ "เปลี่ยนอิริยาบท" ทุกครั้ง อาการ "แช่+อยู่" จะต้องคงตัวอยู่อย่างนั้น

    +++ หากทำได้ "การเคลื่อนตัว หรือ เปลี่ยนอิริยาบท" จะเหมือน "การเคลื่อนตัวของ มวลพลังงาน ที่เป็นกายของเราเอง"

    +++ หากความรู้สึก ลดลง ก็ให้ใช้การ "กระตุ้นเพิ่ม" เติมมันให้เต็มเหมือนเดิน ตรงนี้เป็นการฝึก "เพิ่ม-ลด" ไปในตัว

    +++ หลังปีใหม่ จะมี "กลุ่มใหม่" เข้ามาฝึกแบบ video conference ใน hangout ซึ่งคุณ ยังไม่นอน น่าจะเข้าร่วมฝึกกับ กลุ่มใหม่นี้ได้ทัน

    +++ ดังนั้น ควรมีความชำนาญในเรื่อง "เข้า-ออก" "เพิ่ม-ลด" "ตรึง-แช่-อยู่" เพราะตรงนี้เป็น "รากฐาน" ของการเดินจิต ไม่ว่าจะ หยาบ-ละเอียด เพียงใดก็ตาม นะครับ
     
  17. หัวอ่อน

    หัวอ่อน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2016
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +4
    ตั้งแต่ซาบซ่านทั้งตัวครั้งแรก ผมก็ไม่สามารถกลับไปยังจุดนั้นได้อีกเลยครับ
    ตอนเพิ่มความรู้สึก แขน ขา นี่ซาบซ่านไปก่อนแล้ว ลำตัวยัง 40-50% อยู่เลยครับ :(
    ผมรู้สึกว่าส่วนที่ไม่ได้ไปบังคับควบคุมอย่างคอกับลำตัวมันเพิ่มความรู้สึกได้ยากกว่าส่วนที่บังคับให้เคลื่อนที่บ่อยอย่าง หัว แขน ขา :mad:
    ขาดความชำนาญในการเพิ่มความรู้สึก ส่วนลำตัวตั้งแต่คอจนถึงเอว อย่างมากครับ :'(
    ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจระบบ hangout ถูกหรือปล่าว แต่ผมเขินสังคมนะครับ มีจิตสันโดษ และไม่น่าจะฝึกทัน ขออนุญาติปลีกวิเวกนะครับ [Embarrass
     
  18. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ให้ลองนั่งแบบ "เฉย ๆ ซึม ๆ" สัก 3-4 นาที ก็จะรู้ได้เองว่า "ความรู้สึกทั้งตัวแบบทั่วถึง" นั้นมันมีอยู่แล้ว ตามธรรมชาติของกายเนื้อ

    +++ การ "ลอง" นั่งแบบ เฉย ๆ ซึม ๆ นั้น จะทำให้เกิดการ "วางเรื่องทางโลกทั้งหมดลง" แล้ว "เริ่ม" รู้จักอาการของ ความรู้สึกตัว

    +++ จากนั้นจึง "ระลึกรู้" ถึงลมหายใจที่กำลัง เข้า-ออก แบบธรรมดา ๆ ที่มี "ปฏิกิริยากับการ แผ่ซาบซ่าน ไปตลอดทั่วทั้งกาย"

    +++ จากนั้นจึง "อยู่" กับความซาบซ่านนั้นแทน ก็จะปรากฏได้เองว่า อาการ "ตื่น-รู้" เข้ามาแทนที่อาการ "เฉยซึม" ตรงนี้แหละที่นับเป็นจุด "เริ่มต้น" ของการฝึกในกระทู้นี้

    +++ หาก "ทำ" ตามแบบข้างบนได้สำเร็จ ก็จะรู้ได้เองว่า "กายเนื้อมนุษย์นั้น จะมีระดับการ ตื่น-รู้ ของสติสัมปชัญญะที่ประมาณ 20-30% อยู่แล้วตามธรรมชาติ"

    +++ ภาษาในกระทู้นี้อาจเรียกตรงนี้ว่า "กาย25" ก็ได้ ตามสภาพธรรมชาติของ กายเวทนาแห่งมนุษย์ในพิภพใบนี้

    +++ ทั้งหมดจะเป็นเพียงแค่ การเพิ่มของระดับสัมปชัญญะ (ตื่น-รู้) ให้มี % เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ซึ่ง ตรงนี้จิตของทุกคนสามารถทำได้ตามธรรมชาติของตัวมันเองอยู่แล้ว

    +++ การเพิ่มระดับ สัมปชัญญะ นั้นมันจะเป็นไปเอง "ทั้งตัวทั่วถึง" ตามธรรมชาติของมัน เว้นไว้แต่จะมี "การเพ่งเป็นส่วน ๆ" เข้ามาแทรกแซง

    +++ ดังนั้น ตรงนี้ควรทำความเข้าใจและ "ปล่อยวาง การเพ่งทั้งหลายลง" ผลลัพธ์ที่ถูกต้องก็จะบังเกิดมาเองตามธรรมชาติอันควร นั่นเอง

    +++ ตรงนี้ "ตามสดวก" ก็แล้วกัน แต่จริง ๆ แล้ว "จิตสันโดษ + ปลีกวิเวก" ตรงนี้เป็น "ค่านิยมเฉย ๆ" ที่บุคคลที่ไม่ปรารถนาคำแนะนำจากใคร มักจะทำกัน

    +++ แต่กลุ่มพวกเรา เป็นการปฏิบัติแบบ "เดินจิตเข้าสู่อาการ" หากผู้ใดมี "คำถาม หรือ ข้อสงสัย ในสภาวะธรรมใด" ทั้งกลุ่มก็จะ "ร่วมกัน เดินจิต" เข้าสู่สภาวะธรรม ที่ผู้ใดผู้หนึ่งสงสัย เพื่อการทำ "ธรรมวิจัย" ร่วมกันทั้งกลุ่ม (ใช้การเดินจิตเป็นหลัก ไม่มีการถกเถียงกันตามแบบตรรกะของคนทั่วไป)

    +++ ดังนั้น "ย่อมเป็นที่แน่นอน" อยู่ว่า การปฏิบัติแบบนี้ "ไม่เป็นที่รู้จักในวงสังคมโดยทั่วไป" แต่ผู้ที่เคยเข้าร่วมกลุ่มมาแล้วจะชัดเจนได้ว่า "การปฏิบัติจะรุดหน้าได้รวดเร็วกว่า รวมทั้งประสพการณ์ในการปฏิบัติ จะมีความโชกโชนกว่าการปฏิบัติแบบ ปลีกวิเวกอย่างเทียบกันไม่ได้"

    +++ การตัดสินใจ เข้า-ไม่เข้า กลุ่ม ผมไม่เคยห้าม ทุกอย่างแล้วแต่ "ความสดวก" ของแต่ละบุคคล นะครับ
     
  19. หัวอ่อน

    หัวอ่อน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2016
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +4
    ประมาณ 5 ปีก่อน ผมเคยอ่านหนังสือฝึกลมปราณของเพื่อน (ชอบดูหนังจีนกำลังภายใน) ก็อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องจำได้แค่ประโยคที่ว่า "หายใจไปให้ทั่วร่าง" ผมไม่รู้ว่าทำยังไง ก็บังเอิญตีความและปฏิบัติเหมือนการ "เร่ง" เพิ่มความรู้สึกในกระทู้นี้ในหน้าแรก (ตอนนั้นยังไม่ได้อ่านกระทู้) ประกอบการอิริยาบถชีวิตประจำวันที่มีแต่การขยับแขน ขา จนเกิดความรู้สึกที่ส่วนดังกล่าวชัดเจนขึ้นมากกว่าส่วนอื่น เป็นเรื่องในอดีตนะครับ ทีนี้กลับมาที่ปัจจุบันก็มาฝึกความรู้สึกทั่วทั้งตัว ก็ตามดู (จริงๆ rep แรกผมใช้คำผิดครับไม่รู้ว่าแย่พอกันหรือปล่าวแต่จริงๆแล้ว ผม "ดู" แล้วก็เร่งครับ กลายเป็น เพ่งซะงั้น) ก็พบว่าแขน ขา มันมีต้นทุนเดิมมันมีความรู้สึกมากกว่าส่วนอื่นตั้งแต่แรกเริ่ม ส่วนอื่นก็รู้สึกนะครับ แต่น้อยมากๆ ผมเลยติดนิสัยเร่งเฉพาะส่วนที่มันอ่อนอยู่ กลัวไม่สมดุลนะครับ เหมือนส่วนแขนขาไม่อะไรกับมันก็รู้สึกตลอดเวลา เทียบกับ ส่วนอื่นที่ไม่ชัดเจนเท่า เดี้ยวต่อไปนี้ทิ้งอดีตเริ่มหมดใหม่ตามที่ อาจารย์แนะนำดีกว่าครับ
    กรรมหล่อหลอมจริตผม ให้มันไม่ชอบวุ่นวายกับคนอื่น ผมไม่ใช่คนหยิ่งนะครับผมแค่แปลกประหลาด ปลีกวิเวกบ้าง เข้าเมืองบ้าง ไม่ยึดติดครับ ขึ้นอยู่กับความรู้สึกจากกรรมล้วนๆไม่มีเหตุผลมาเกี่ยว สำเร็จช้าหรือไม่สำเร็จเลยก็ยอมรับชะตากรรมครับเพราะจริตและข้อจำกัดทางร่างกายของผมเหมาะกับกรรมฐานนี้ที่สุดแล้ว
     
  20. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ครับ ยามใดที่ "กายเวทนา" มันออกไปเดิน "นอกกายเนื้อ" แล้วรู้สึกว่า "ทำไมมันไม่ครบอาการ 32" ก็จะค่อย ๆ เข้าใจไปเอง (ไม่แน่ใจว่า โพสท์ของอาการนี้อยู่ในกระทู้นี้หรือไม่ แต่เคยมีผู้ฝึกในกระทู้นี้ "เกิดประสพการณ์" ตรงนี้มาแล้ว):'(

    +++ "กรรม" เป็นเหตุ ส่วนผลลัพธ์ที่ออกมาดี ก็จะใช้คำศัพท์ว่า "บารมี" แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาไม่ค่อยดี คำศัพท์ก็จะใช้คำว่า "วิบาก"

    +++ ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับ "การควบคุมกรรม" เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมา "ดี"

    +++ ส่วน "เหตุ" ในการควบคุมกรรมทั้งหมดขึ้นอยู่กับ "สติ+สัมปชัญญะ"

    +++ ดังนั้นให้ตั้งใจฝึกในการ "ควบคุม" เหตุแห่งกรรมตรงนี้ให้ "มั่นคง" นะครับ ;)
     

แชร์หน้านี้

Loading...