ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ยุคแห่งการจัดสรรพลังงานใหม่?


    ยุคของอรหันตสาวกได้จบสิ้นลงแล้วเมื่อถึงกึ่งกลางพุทธกาลครับ เพราะธรรมหลังจากนี้ จะเป็นธรรมที่ไม่ใช่ธรรมของสาวกยาน ดังนี้ นิกายเถรวาทจึงมีปัญหามาก พระสงฆ์แตกแยกและขัดแย้งกันดังที่เห็น ทว่า ในการเปิดสู่ยุคใหม่นั้น สิ่งที่ต้องทำก่อนคือ การจัดสรรพลังงานเก่าและใหม่ โดยพลังงานเก่าจะถูกเคลียร์ชำระไป (พวกจิตวิญญาณเก่าๆ) และพลังงานใหม่จะเข้ามาแทนที่ (พวกมนุษย์ที่ตายลงไปเป็นจิตวิญญาณแทนที่พวกเก่า) ดังนั้น การหวังผลว่าจะมีผู้บรรลุธรรม จึงน้อยมาก ส่วนใหญ่ "เป็นของปลอม" ต้องปลอมไปก่อน ต้องใช้อุบายไปก่อน แล้วของจริงจะมาเองโดยพระพุทธเจ้า ที่จะทรงมารวมธาตุแล้วกระทำพระธาตุนิพพาน เพื่อโปรดเทวดา ซึ่งมนุษย์จะไม่อาจเห็นได้ เพราะจิตใจของมนุษย์จะเสื่อมต่ำครับ และพระพุทธเจ้าจะโปรดมนุษย์ไม่ได้ จะได้ก็ต้อง "บำเพ็ญจากมนุษย์ขึ้นไปเป็นเทพเทวดา" เมื่อได้เป็นเทพเทวดาแล้ว จึงจะได้เห็นพระพุทธเจ้าในวันรวมธาตุ และท่านจะมาโปรดเราอีกทีครับ ดังนั้น เราจึงไม่ต้องมาปฏิบัติเอามรรคผลอะไรบนโลกนี้ ก็ได้ มันไม่ใช่ที่ ไม่ใช่เวลาที่จะได้ธรรมครับ

    ดังนั้น ยุคนี้ จึงเป็นยุคของการจัดสรรพลังงานใหม่ให้เข้าที่เข้าทาง หรือก็คือ การสถาปนาเทพชุดใหม่ นั่นเอง ในการสถาปนาเทพนั้น วิธีการคล้ายเดิมในยุคของเจียงจื่อหย๋า แต่จะละมุนละม่อมมากขึ้น กล่าวคือ ในยุคของเจียงจื่อหย๋า ใช้วิธีบำเพ็ญฤทธิ์ แล้วแบ่งฝ่ายมาสู้กัน ทั้งสองฝ่ายตายลงแล้วในสงครามก็ได้รับการสถาปนาเป็นเทพทั้งหมดครับ ในยุคใหม่นี้ เราจะไม่ใช้สงครามแบบเดิม แต่จะใช้วิธีที่ละมุมละม่อมมากกว่า ทว่า พลังงานเก่าที่ขับเคลื่อนให้เกิดสงคราม จะเกิดขึ้น มีขึ้นได้ครับ แต่จะไม่ใช่ทุกประเทศในโลกครับ บางประเทศจะได้รับพลังงานเก่าไปชำระล้าง บางประเทศจะได้รับพลังงานใหม่เข้าไปขับเคลื่อน ต้องมีการต่อสู้กันสองฝ่ายแน่นอน แล้วจะเกิดการ "ตาย" ขึ้น เมื่อตายก็จะไปจุติเป็นเทพครับ แต่การตายไม่จำเป็นต้องมีสงคราม เช่น จิตวิญญาณในร่างของเราสลายตายลงจากปุถุชน กำเนิดใหม่เป็นเทพ แล้วจุติออกจากร่างเราไปก็จะไปประจำตำแหน่งเทพ สังขารที่ว่างเปล่าที่อยู่บนโลกก็จะใช้เป็นภาชนะรองรับ "จิตวิญญาณ" ชั้นต่ำ ให้เข้ามาฝึกจิต พัฒนาตน ให้สูงขึ้น เพื่อให้ได้รับความหลุดพ้นไป สังขารก็เหมือนบ้านเปล่าๆ ที่ให้จิตวิญญาณแต่ละดวง เรียงคิวมาบำเพ็ญบารมีแล้วผ่านไป ซึ่งไม่ใช่ว่างเปล่าแบบไม่มีธรรมอะไรเลย

    จิตวิญญาณที่บำเพ็ญผ่านร่างมนุษย์ก็จะจุติไปเป็นเทพข้างบนครับ
     
  2. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    กำลังนั่งคิดเรื่องการก่อกำเนิดใหม่อยู่พอดีเลยจ้า..เข้าเจอโพสนี้.ขอบคุณๆ:cool:
     
  3. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    มนุษย์ธรรมดาไม่มีวันเข้าใจใครได้หรอกค่ะ ยกเว้นมนุษย์พิเศษ:cool:
    ปล.มนุษย์ธรรมดา เกิดมาเพื่อทำเรื่องพื้นฐาน กิน ขี้ ปี้ นอน เสพทุกอย่างที่ขวางหน้า.ยังไม่ถึงเวลาที่เค้าจะเรียนรู้.ปล่อยไป.สักวันจะรู้เอง.เมื่อถึงเวลา.:cool:
     
  4. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ขอบคุณทุกเหตุและปัจจัย ที่ทำให้เข้าใจอะไรตั้งมากมาย
    ขอบคุณทุกประสบการณ์ที่สอนให้พัฒนาาทางจิตวิญญาน
    ขึ้นมาอีกระดับนึง..ขอบคุณจริงๆ.
    (ขอบคุณจขกท.ด้วยค่ะ):cool:
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    การเดินทางเพื่อไปคนเดียวมันไม่ยาก....(ไปไหนครับ อยู่ในโลกเดียวกันนะ)
    แต่ถ้าเป็นการบำเพ็ญช่วย ก็อีกเรื่องนึง....(ตรงนี้แหล่ะ ผมจะเอามาเป็นประเด็น)

    ทำไม การช่วยเหลือ ผู้อื่น..ต้องเรียก ต้องเข้าใจว่า..เป็นการบำเพ็ญ..ด้วยล่ะครับ
    ในสัมมากรรมทั้งแปดข้อ..ถ้าการช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อให้หลุดพ้นอิสระเหมือนกัน หลุดพ้นอิสระจากกันและกัน(ไม่ได้หมายความว่าอยู่ตัวคนเดียวนะครับ อยู่ด้วยกันนี่แหล่ะแต่ไม่หลงยึดมั่น ในกันและกัน ตามสัมมากรรมทั้งแปดข้อ)

    การช่วยเหลือ ด้วยรู้จัก ความพอเพียง ความถูกต้อง ความเหมาะสม เพื่อให้เขาเกิดปัญญา พ้นทุกข์ เข้าถึงความไม่ยึดมั่นถือมั่น..ไม่เป็นสาวกของกันและกัน..เสมือน พ่อแม่ที่เลี้ยงลูก สักวันก็ต้อง ปล่อยวางชีวิตให้กับลูก เพื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นให้เป็นทุกข์ไงครับ
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ท่านดอกไม้ครับ อะไรคือการช่วยเหลือ ที่ไม่ต้องการผล ใดใด..ทั้งกับตนเองและคนอื่น...แปลว่า ผลประโยชน์ที่เป็นส่วนตัวน่ะครับ...ส่วนช่วยให้เกิดปัญญา ช่วยให้เขาหลุดพ้น..อันนี้ ผลเป็นกลาง ให้เขาถึงความเป็นกลาง ที่เอาอะไรไม่ได้เหมือนกัน...หลุดพ้นจากสมมุติ ที่เป็นการหลงสร้างทุกข์..เอาอะไรไม่ได้เช่นกัน...แบบนี้ เรียกว่าเป็นการบำเพ็ญ หรือครับ....

    แล้วมรรคแปดข้อ...เป็นการบำเพ็ญหรือครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2016
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    มรรค คือทางแห่งการพ้นทุกข์.....
    สัมมากรรมทั้งแปด คือ ทางแห่งการพ้นทุกข์
    การกระทำกรรมของ กาย วาจา ใจ ทั้งแปด คือ หนทางแห่งการพ้นทุกข์
    ......
    แล้วมันเป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์...ของผู้ใด...(ระหว่างผู้กระทำ และผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากการกระทำ)
    .....
    ยกตัวอย่าง...พระศาสดา กับสาวก....พระศาสดาเมื่อเข้าถึงความเป็นพุทธะ..กายกรรมวจีกรรมมโนกรรมย่อมอยู่ ย่อเป็น สัมมาทั้งแปดข้อ อยู่แล้ว....และเมื่อท่านกระทำกรรมเพื่อชี้ทาง สั่งสอน แนะนำ แก่เหล่าสาวก...(นี่ถือว่า ยังเป็นการ บำเพ็ญ ของพระพุทธเจ้า อยู่หรือเปล่าครับ)

    ดังนั้น ก็ต้องมาดู ที่ผล ที่เกิดแก่ สาวก..ว่าสาวกได้รับ ผล จาก สัมมากรรมทั้งแปดข้อ ของพระศาสดาแล้ว ผลที่ได้..คืออย่างไร..(นี่แค่ตัวอย่างสมัยพุทธกาล อาจจะยังไม่จบ ที่สาวก เพราะ บางคน ปัญญา ไม่เพียงพอ รูปธรรมตอนนั้น ก็ถูกปิดบัง ไม่พัฒนาเหมือนทุกวันนี้)

    แต่ ทุกวันนี้...อะไรๆก็ไร้พรมแดน....แล้ว เมื่อมีผู้กระทำกรรมสัมมาทั้งแปด เพื่อช่วยเหลือคนอื่น..มันจึง ไม่ได้เป็นไปเพื่อความมีสาวก ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ตอบแทนใดใด
     
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เห็นคุณวรณ์นิ ยังบ่นจะหาเงินจากใครมาให้อยู่เลย
    "อะไรคือการช่วยเหลือ ที่ไม่ต้องการผล ใดใด"

    คุณคงต้อง "ถามใจตัวเอง" ดูแล้วละครับ
     
  9. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    นี่ไงคับ

    อาจารย์ของผม ท่านพูดธรรมะไม่เก่ง ไม่เป็น
    แต่ปฏิบัติได้จริง ผมชอบท่านก็ตรงนี้

    อาจารย์อีกท่าน จะไม่ชอบพวกบ้าตำรา
    ท่านจะให้ปฏิบัติเอาอย่างเดียวเลย

    ท่านทั้งหลาย ล้วนไม่ชอบพวก "ดีแต่พูด" แต่ทำไม่ได้จริงครับ
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    จะเห็นว่า ความทุกข์ ทุกวันนี้ มันตีกรอบ ล้อมกรอบ คน เอาไว้ ในวงล้อม ได้มากมาย และทั่วถึงกัน ไปทั่ว..ยกตัวอย่าง...ถ้าไฟฟ้าดับพลังงานหมด..กระทบทั้งโลกโดยทั่วถึงกัน

    ถ้าแล้งฝนไม่ตก อาหารเจือสารเคมี อาหารหมดจากแหล่งน้ำ หมดจากป่า เพราะถูกทำลาย..ผลกระทบมันทั่วถึงกันแน่นอน...โรคภัยไข้เจ็บ มันระบาดได้ง่ายกว่าเดิม..นี่ก็ทั่วถึงกัน

    นี่ขนาด เวเนสุเอล่า...ขาดแคลนอาหาร เกิดปล้นอาหารก่อจลาจลทั้งประเทศ...ประเทศอื่น ประเทศไหน ช่วยเหลือล่ะ
    สุดท้าย มันก็จะเกิดปัญหากันทุกประเทศ นั่นแหล่ะ
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เงินจากมนุษย์ด้วยกันเอง ทรัพย์จากมนุษย์ด้วยกันเอง นี่แหละครับ

    เพราะ..อะไรน่ะเหรอ..ผมถึงกล้าพูด แบบนี้..นั่นเพราะ คนทุกวันนี้ ล้วนแล้วแต่เพื่อสิ่งเดียวกัน นั่นก็คือ......ความสุข

    แฟน ครอบครัว งาน อาหาร รถ เงิน ทอง เพื่อน สังคม ป่า โลก...หาความสุขจากสิ่งเหล่านี้..แต่ กลับ ไม่ได้พบเจอกับความสุขที่แท้จริงกันไงครับ

    มีเงินมาก ก็ เอาเงินไปแลกหาความสุข จากทั่วโลก จากคนอื่นๆรอบข้าง...เจอเหรอ
    มีที่ดิน รกร้าง ทำลายป่า ทำลายธรร ชาติ เพิ่มความทุกข์ให้กับ สังคมโดยรวม...จะเอาความสุขจากไหนเหรอ

    ก็พากันทำดีดีไม่ได้ ทำให้มันดีไม่เป็น..แต่อยาก มีความสุข...(ผมงี้..ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว)
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พราหมณ์หากินยังไง?

    ก็หากินกับความทุกข์ของคนอื่น
    หากินกับความวิตกกังวลของผู้อื่น
    หากินกับการเอาธรรมะของผู้อื่นไปพล่าม
    โดยที่ตัวเองมิได้ตรัสรู้ธรรมนั้นเองจริงๆ

    แต่ก็ช่างเถอะ อีกหน่อยคนจะบ้าจะฆ่าตัวตายกัน
    ขนาดราคายางตกยังไปผูกคอตายกันแล้ว นี่ยังเบาะๆ นะ
    ถ้ามันเดินเครื่องเต็มกว่านี้ จะอยู่กันได้ไหวไหม คงต้องไปกราบก้อนหิน
    ก้อนดิน จอมปลวก กันเป็นแถวๆ ดังนั้น เพื่อให้พวกมันไม่ตายไปแบบไร้ค่า

    ก็ปล่อยให้พราหมณ์หลอกเอาเงินมันไป ดีกว่า จริงไหมละฮะ ทั่นผู้ชม!
     
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เคยเป็นมั้ย มีเงิน...มีอำนาจ มีทอง....แต่หาซื้อความสุขที่แท้จริง ไม่ได้
    เคยเป็นมั้ย มีกิน มีใช้ มีครบทุกอย่าง ยกเว้น...ความสุข..

    หาที่ไหนล่ะ ความสุข..
     
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    แน่นอน ถูก พวกแต่งตัวดีดีหลอก ถูกวัดใหญ่โตสวยงามหลอก ถูกหมอดูหมอเดาหลอก...ถูกเครื่องรางของขลังหลอก....เขาคงคิดว่ามันดีกว่า...เอาทรัพย์มาให้ผมฟรีๆนั่นแหล่ะครับ..อิอิ

    ผมเคยประกาศไปหลายปีแล้วว่า...ใครมีอะไรก็เอามาให้ผมซะ..ผมจะได้ทำให้มันดีดี กว่าที่อยู่กับพวกคุณ..ให้ผมทำมันดีดี ได้ป๊ะ
     
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722



    จัดหนักไปเลย คนไทยชอบของปลอมอยู่แล้ว

    555
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ผมสร้างความสุขเป็น
    ผมสร้างความสุขได้
    ผมนำพวกคุณเข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้

    แค่ เอาทรัพย์นั้นมาให้ผมจัดการ...ทำให้มันดี...ไง
     
  17. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ไปมีความสุขคนเดียวไงครับ (สุขแล้วรู้แล้วเข้าใจแล้วก็ยังช่วยเหลืออยู่ มันยาว)
    ก็ภาษาเขาพูดมาแบบนี้จะคำอะไรก็ได้ครับแล้วแต่เลยตามความเข้าใจมันก็คือช่วยเหมือนกัน
    การที่เราจะช่วยได้เยอะๆ มันก็ต้องมีกัลยาณมิตร การที่เราจะช่วยคนไม่ดีได้บางครั้งก็ต้องมีการหลอกล่อบ้าง ต้องมีกลวิธี แต่ส่้วนใหญ่ปล่อยไปตามทาง
    สำหรับคนดีๆผมก็ไม่รู้จะช่วยอะไรเพราะเขาก็ดีอยู่แล้วบอกปริศนานิดหน่อยให้เขาแก้ก็พอแล้ว เพราะของพวกนี้บังคับไม่ได้
    บางครั้งเวลาไม่มีตังผมก็ใช้วิธีนี้เลยครับ กำหนดจิตบอกเลยผมมีความปราถนาจะสร้างกุฏให้พระ จิตใดมีความปราถนาที่จะช่วยทำบุญด้วยกันขอให้ผมถูกหวยด้วยครับ ผมจะแบ่งเงินส่วนหนึงทำบุญ ผมก็ถูกนะครับ บางครั้งเราจะทำอะไรแต่ไม่บอกกล่าวใครเลยจิตใดเล่าจะรู้ บางครั้งบอกความปราถนาออกไปแต่จิตที่ช่วยมีทั้งดีและไม่ดี หรือท่านจะเลือกรับ ช่วยไปเถอะครับดี ไม่ดี เขาแค่ยังไม่รู้ แค่ทำให้รู้เหมือนท่านก็จบแล้ว(พูดง่ายเนอะทำให้รู้นี่ละโคตรยากเลย แต่ท่านจะยิ่งเก่งไปเรื่อยแหละ)
    วิธีการมันก็มีหลายวิธี
     
  18. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ถ้าจะรอจากคนท่านต้องทำตัวเป็นเจ้าสำนักแล้วละครับ แล้วแสดงอภินิหารเดี๋ยวก็มาเอง น่าจะเยอะด้วยครับ
    ถึงต้องมีศิษย์โง่เรียนเซนไงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2016
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เอาหน้าม้ามาเยอะๆ แห่กันเข้าไป
    ต่อให้ไม่เชื่อ มันก็ไม่กล้าลบหลู่หรอก

    เดี๋ยวก็แห่ตามๆ กันไป กราบปะหลกๆ เอง
     
  20. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ว่าแต่ลงมาอยู่นานๆ คิดถึงที่ที่เรามาบ้างไหมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...