ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

คนอื่นอาจมองเราต่ำ
แต่เราต้องไม่กลัวที่จะถูกมอง

เราจะต้องมีใจสูง
แม้มีสถานะต่ำต้อยก็ตาม

เราไม่ได้เลือกที่จะมีฐานะสูงส่ง
ตรงข้ามเราเลือกเป็นคนต่ำต้อยไร้ชื่อเสียง

นี่แหละ ธรรมบัวบาน เราต้องลงสู่โคลนเพื่อเติบโตเป็นบัวบาน

 

สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนมีธรรม
มีคุณค่า เท่าเทียมกัน ไม่ต่างกัน

ดังคำสอนใน "สัทธรรมปุณฑริกสูตร" ที่ว่า
มนุษย์มีศักยภาพเท่าเทียมกัน ในการเข้าถึงพุทธสภาวะ

 

ธรรมบัวบาน...เริ่มต้น..ที่เพื่อช่วยเหลือจิตวิญญาณ..ที่ตกทุกข์ตกค้าง ในภพภูมิต่างๆ..แสงแห่งดอกบัวจะนำพา ด้วยแสงสว่าง ให้เขาได้มองเห็น แล้ว ตามแสงนั้นมา จนถึงดอกบัว..ในดอกบัวจริงๆ สร้างมาจากปัญญาแห่งการพ้นทุกข์...ในดอกบัวจะเป็นสังคมเสมือนจริงของ สัมคมของมนุษย์ มีโรงธรรม โรงทาน มีการเรียนรู้ชีวิตของความเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐ...จิตวิญญาณเหล่านั้น ส่วนมากจะไส่ชุดขาว..มรดอกบัวรองรับ สามารถลอยเข้าออก จากดอกบัว เพื่อ ออกไป ชี้นำ ทางที่ถูกที่ดีให้กับญาติหรือคนที่ตนเองรักได้..การเรียนรู้เหล่านี้ เพื่อเมื่อเวลาได้มาเกิดเป็นคนอีกครั้ง...จะได้ไม่หลงทาง เดินทางที่ผิด อีกต่อไป

 

สรรพสัตว์ สรรพจิต สรรพวิญญาณ ทุกภพภูมิ..ล้วนสามารถ มองเห็นแสงสว่างของดอกบัวแห่งปัญญานี้ ได้เสมอเท่าเทียมกัน....

 

คนที่มีจิตทิพย์ มีตาทิพย์ กายทิพย์...ก็อาจล้วน มองเห็นแสงและดอกบัวนี้..ได้..ตามความดีแห่งจิตใจของเขา...และเข้าไปเที่ยว ในดอกบัวได้ครับ...แต่อย่ามีอกุศลจิตเกิดนะครับ ในขณะที่อยู่ในดอกบัว...ไม่งั้น..อกุศลจะกลายเป็นวิบากกรรม..ไฟลุกเผาตนเองทันที...ถ้าเกิดแบบนี้ให้นั่งสมาธิเลย กำหนดจิตดูลมดูกายตนเองที่ถูกไฟเผา...(เหมือนชำระบาป ชดใช้กรรมกันสดๆเลยครับ..เมื่อจิตใจยอมรับในกรรมของตน จนเกิดสัมมาทิฐิในใจ..ไฟก็จะมอดดับลง ด้วยหมดวิบากกรรม)

 

ผู้ที่เดินธรรมบัวบานจะต้องถูก "ทดสอบ" ก่อนจึงสอบผ่านได้ เช่น


1 ถูกพิษ (ธรรมของพระไภษัชฯ) ก็จะต้องปล่อยไป ห้ามใช้ยารักษาพิษ
2 ถูกของมีคม (ธรรมสายวัชระ) ก็ต้องไม่กลัวของมีคม กล้าหาญสู้คมดาบ
3 ถูกเผาด้วยความร้อน (ธรรมของพระอาทิตย์ยูไล) ก็ต้องปรับตัวสู้แสงได้
4 ถูกทำให้จมต่ำในกองโคลน ถูกเหยียดหยาม ด่าประณาม ก็ต้องเบิกบานได้
5 ถูกกระทำด้วยทั้งทางบวกและทางลบ แต่ไม่หวั่นไหวหลงทางไปเพราะสิ่งนั้น


เช่น คุณกล้าจับเท้าคนไหม? ถ้าเขาเอาเท้าลูบหน้าคุณ คุณยอมรับได้ไหม? เป็นต้น

 

ดอกบัวบาน จะมีองค์หญิงเมี่ยวซ่าน..รุ่นอัพเกรดใหม่ คอยทำหน้าที่...เป็นพนักงานต้อนรับ..โอเปอเรเตอร์...ประจำดอกบัวครับ....มีเทพสายฟ้าและกองทัพ เป็นผู้ดูแลความสงบ..เรียบร้อย
มีโรงธรร มที่มีพระเกจิ ที่ มรณาไปแล้วผัดเปลี่ยนหมุนเวียน มาคอยแสดงธรรมแก่เหล่าจิตวิญญาณ....มีโรงทานอิ่มทิพย์...ให้บริการครบถ้วน ห้องนอนห้องพักห้องน้ำห้องท่า..ห้องรับแขกต่างดาว ท่านเทพระดับสูงต่างๆ...เรียกได้ว่า...รวมกลุ่มทุกเผ่าพันธุ์ ทุกชนชั้น ครับ

ศูนย์รวม...สรรพจิตแห่งจักรวาล...ดอกบัวบานแสงสว่าง

 

กล้า....กราบ...สุนัขมั้ย....ถ้าคิดว่า ตนเอง หมดสิ้นแล้วซึ่ง..อัตตาตัวตน
ผมน่ะ กราบ สุนัข มาแล้วครับ...

 

นโยบายการต่างประเทศโดย "ธรรม" ที่ต่างกัน


ธรรมวัชระยาน
จะใช้การต่อสู้ เพชรตัดเพชร ดาบเจอดาบ แข็งเจอแข็ง ปะทะกัน
สงครามจะเกิดขึ้นแน่นอน หากใช้ธรรมสายวัชระยานนะครับ

ธรรมไภษัชยคุรุพุทธะ
จะใช้การต่อสู้ แบบพิษล้างพิษ เรียกว่า แกซ่อนพิิษมาฉันพ่นพิษกลับ
ต่างคนต่างไม่จริงใจ ใช้คำหวานอาบยาพิษใส่กัน หลอกลวงกัน

ธรรมสุขาวดี
จะใช้การต่อสู้ แบบสังคมนิยม ใช้การรวมอำนาจศูนย์กลางเป็นเอกภาพ
ก็จะกลายเป็นสไตล์การปกครองที่ใช้ได้ดี แต่ "ในอดีตกาล" นานมาแล้ว

ธรรมพระอาทิตย์ยูไล
จะใช้การต่อสู้ แบบ "นักรบแห่งแสงสว่าง" (ต้าจินอูทั้งสิบ) ประเทศจะ
ร้อนด้วยเพลิงพระอาทิตย์ ใช้ความสว่าง ข้อมูล ความรู้ สู้กันนั่นเอง

ธรรมบัวบาน (ศากยมุนี)
จะใช้การต่อสู้ แบบ "บุปผาชน" ใช้ภาษาดอกไม้ เบิกบานและอิสระ
แต่ต้อง "ยอมทำตัวต่ำ" แม้เขาจะเหยียดหยามเรา เราก็ต้องอดทนยอม


ก็ลองดูว่าจะเลือกใช้ธรรมใด ในการแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศครับ

 

ธรรมบัวบาน...สู้กันแบบไม่ต้องไปต่อสู้กับใคร...นั่นเพราะ ผู้มีธรรมบัวบาน จะยอมแพ้กับตัวเองก่อนเสมอ....เพราะสู้ไปก็ยืดเยื้อ..สู้แบบขอยอมแพ้เลยดีกว่า..จะได้ไม่มีใครต้องเจ็บ

 

ตัวอย่างของธรรมบัวบาน

ก่อนที่จะไปทำร้ายใคร ให้ท่านลองทำร้ายตนเองก่อน...ถ้าคิดว่ามันดี ตนเองได้รับผลดี ค่อยไปทำกับคนอื่นต่อไป

สั้นๆ..ก่อนจะไปฆ่าใคร..ให้ฆ่าตัวเองก่อน

ก่อนจะไปยิงใคร..ให้ยิงตัวเองก่อน...ถ้าลองทำกับตัวเองแล้วตัวเองยืนยันได้ว่า มันดีจริงๆ..ท่านค่อยเอาไปทำกับคนอื่นต่อไป โดยเฉพาะกับญาติๆของตัวเองก่อน
....
เนี่ย..ธรรมบัวบาน

 

การยอม ไม่ได้หมายความว่าแพ้

 

อันนี้มันหมัดเจ็ดทำร้ายตะหาก

 

ตัวอย่างของธรรมบัวบาน....ไม่ต้องไปฆ่ามัน...เดี๋ยวมันก็ตายเอง ตามธรรมชาติของมัน

 

หมัด..อรหันต์ของท่านตักม้อ..ต่างหาก

 

อันนี้ ฝ่ามืออรหันต์ไร้เงา...ของเซน

 

เราทำให้เด็กแว๊นซ์สิ้นฤทธิ์ได้ยังไง ก็ยังงั้นละ

 

กระบวนท่า ไตรลักษณ์ของพระพุทธะ...ก็....เราหยุดแล้ว..แต่ท่านยังไม่หยุด
แต่ถ้าเป็นกระบวนท่า ไร้ลักษณ์ของพระพุทธะ..ก็...กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นตอบสนอง.

 

กระบวนท่า..ขับเคลื่อนวัฏจักรสนองกรรม..ก็....สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม..(ทุกราย)

 

วิชาผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น..ของท่านตักม้อ...ก็คือ.....เหมือนวิชาไหมฟ้า..คือตายก่อน ชีวิตเก่าตายลง....ชีวิตใหม่เกิดแทน.....ทางพุทธะคือ...การชำระอวิชชา

คนละอันกับ..พวกมารนะ ที่รับเอาวิญญาณผีเก่งๆมาเข้าสิงร่างแทนน่ะ..องค์ลงๆๆๆๆ อิอิ